“เขาโดนคนอื่นดูถูก” ในงานประชุม เหตุผลเพียงเพราะเขาจน แต่สิ่งที่เขาพูดทำเอาทุกคนละอายใจ
คนเราทุกคนต่างที่มา ต่างความคิด และมีต้นทุนชีวิตที่ไม่เท่ากัน เราเลือกเกิดไม่ได้แต่ก็เลือกที่จะทำและเปลี่ยนความคิดได้…
เมื่อเวลา 1 ทุ่ม ผู้ปกครองของนักเรียนต่างทยอยเดินเข้ามาในห้องเรียน ผู้ปกครองบางคนสำรวมและมีกริยามารยาท บางคนก็ดูหยิ่ง และบางคนก็ดูเงียบๆไม่สุงสิงกับใคร ขณะที่อาจารย์เดินไปปิดประตูและกำลังจะเริ่มพูด ประตูที่เพิ่งปิดไปก็ค่อยๆแง้มออก มีผู้ชายวัยกลางคนหนึ่งก็เข้ามา เนื้อตัวเขาเปื้อนคราบดินไปทั้งตัว เขายิ้มและบอกขอโทษกับอาจารย์
ผู้ปกครองอื่นๆต่างจ้องมองมาที่เขา : เขาสวมชุดคนงานสีซีดๆ บนเสื้อเขายังมีคราบน้ำมัน บนกางเกงมีแต่รอยคราบดิน เขาสวมรองเท้าบู๊ตที่เต็มไปด้วยโคลน ทุกคนมองแล้วก็รู้ทันทีว่าเขาเพิ่งมาจากไซท์งานก่อสร้าง
อาจารย์ถามว่า:ไม่ทราบคุณคือ….
ชายวัยกลางคนตอบว่า:ผมเป็นพ่อของหวังจื้อเหาครับ
อาจารย์แสดงสีหน้าตกใจแล้วจึงเรียกให้มาลงชื่อ พ่อของหวังจื้อเหาก้มโค้งลงต่ำแล้วพูดว่า “อาจารย์ครับผมอ่านหนังสือไม่ออก”
ผู้ปกครองทั้งหลายต่างพากันขำ อาจารย์จึงบอกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวช่วยคุณเขียน….”
อาจารย์ได้อธิบายว่าเหตุผลที่เชิญมาร่วมงานประชุมผู้ปกครอง ก็เพื่อให้โรงเรียนทราบถึงวิธีการเลี้ยงดูและอบรมลูกของผู้ปกครอง จากนั้นมีผู้ปกครอง 2-3 คนออกมาพูดแชร์ถึงประสบการณ์ในการเลี้ยงดูลูก บางคนอบรมเลี้ยงดูลูกอย่างเข้มงวด บางคนชอบให้ลูกทำการบ้านเยอะๆ บางคนเชิญครูพิเศษมาสอนถึงบ้านก็มี
เมื่ออาจารย์ขอให้พ่อหวังจื้อเหาช่วยเล่าถึงวิธีอบรมสอนลูก อาจารย์พูดในห้องว่า “หวังจื้อเหามีผลการเรียนดีที่สุดในห้อง เขาสอบคณิตศาสตร์ได้ที่หนึ่ง เขาไม่เคยมาเรียนสายและไม่มีปัญหากับเพื่อนๆด้วย ทุกคนมาฟังดูกันคะ ว่าพ่อหวังจื้อเหาเขาอบรมเลี้ยงดูลูกได้อย่างไร”
พวกผู้ปกครองพากันตกใจมาก ดูแล้วเขาเป็นคนไม่มีความรู้เลย แต่ลูกของเขากลับเก่งได้ถึงขนาดนี้
พ่อของหวังจื้อเหาเดินขากะเพลกมาถึงหน้าชั้นเรียน เขาไม่ได้สบตาพวกผู้ปกครองโดยตรง พูดว่า “ผมแค่ชอบดูเขาทำการบ้าน พอกลับถึงบ้านไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ผมก็จะไปนั่งที่ข้างๆลูกแล้วดูเขาทำการบ้าน”
“มีวันหนึ่งลูกถามผมว่า ทำไมพ่อถึงต้องมาดูเขาทำการบ้านทุกวัน พ่ออ่านการบ้านของเขาออกด้วยหรือ?”
“ผมตอบว่าอ่านไม่ออก” ลูกก็ถามผมอีกว่า “ถ้าพ่ออ่านไม่ออก แล้วรู้ได้ไงว่าผมทำถูกหรือผิด?”
ผมบอกว่า “ถ้าลูกทำการบ้านได้เร็ว พ่อก็รู้ว่าหัวข้อนี้มันต้องง่าย แต่ถ้าลูกอยากเปิดพัดลมหรือไปดื่มน้ำ พ่อก็รู้เลยว่าข้อนี้มันต้องยาก”
“ผมเป็นแค่คนงานก่อสร้าง ตอนผมมองเห็นตึกระฟ้าที่ผมสร้างมันกับมือ ผมก็ถามลูกว่า อยากมีบ้านใหญ่ๆสวยๆบนตึกสูงบ้างไหม? แล้วอยากได้รถเท่ห์ๆบ้างหรือเปล่า?” ลูกผมพยักหน้าตอบ ผมเลยบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นลูกต้องตั้งใจเรียนดีๆ”
“ผมไม่เคยเรียนหนังสือ แถมยังอ่านหนังสือไม่ออก ผมไม่รู้จักหลักการยากๆเพื่อเอาไปสอนลูก ผมแค่ชอบพูดคุยกับลูก ลูกผมชอบนั่งข้างๆดูผมทำงาน บางครั้งเขาก็เทน้ำให้ดื่มสักแก้ว ผมไม่ได้ให้ค่าขนมลูก ลูกของผมไม่เล่นอินเตอร์เน็ตและก็ใช้จ่ายไม่สุรุ่ยสุร่าย เขาช่วยผมทำงานบ้านและซักผ้า” เมื่อพูดจบ เขาก็ก้มโค้งคำนับอาจารย์! ภาพนี้ตรึงตาตรึงใจผู้ปกครองคนอื่นๆเป็นอย่างมาก
คุณพ่อท่านนี้ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง แต่เขาเคารพอาจารย์ของลูก เขาใช้เวลาอยู่กับลูก สิ่งนี้แหละคือความสำเร็จในการเลี้ยงดูลูกของเขาล่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : LIEKR