เพียงกินฟักทองวันละ 2-3 ชิ้น ช่วยควบคุมความดันเลือด บำรุงตับ ป้องกันโรคเบาหวานได้ดี

0

เพียงกินฟักทองวันละ 2-3 ชิ้น ช่วยควบคุมความดันเลือด บำรุงตับ ป้องกันโรคเบาหวานได้ดี

ผักล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงแล้วนั้น ยังสามารถช่วยบำรุงและป้องกันโรคร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นต่อร่างกายของเราได้ดีมาก

ฟักทอง เป็นผักที่มีประโยชน์มากอีกชนิดหนึ่ง นอกจากเราจะนำฟักทองเป็นอาหารแล้ว ฟักทองยังมีฤทธิ์เป็นยาได้ด้วย เพราะในฟักทองมีวิตามินอยู่หลายชนิด สามารถป้องกันและรักษาได้หลายโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคไต

สรรพคุณของฟักทอง

– เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูง รวมทั้งฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง และที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือ “เบต้าแคโรทีน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทอง สามารถช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้ แถมเบต้าแคโรทีน ยังช่วยต้านความชรา ป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยของข้อเข่า และบั้นเอวได้เป็นอย่างดี

– เปลือกฟักทอง มีฤทธิ์ทางยามากมาย หากทานฟักทองทั้งเปลือก จะสามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ซึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดเบาหวาน ความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไป ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

– ใบอ่อน มีวิตามินเอสูงเท่ากับเนื้อฟักทอง แต่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในเนื้อ

– ดอก มีวิตามินเอ ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีวิตามินซีเล็กน้อย

– เมล็ด ประกอบด้วยแป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน รวมทั้งสารที่ชื่อว่า “คิวเคอร์บิติน” (cucurbitine) ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าพยาธิตัวตืดได้ดี และยังช่วยขับปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ น้ำมันจากเมล็ดฟักทองยังช่วยบำรุงประสาทได้ดี และยังมีกรดอะมิโนบางชนิดที่ช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากของผู้ชายขยายใหญ่ขึ้น และช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ได้จากลูกอัณฑะให้อยู่ในระดับปกติ

– ราก น้ำมาต้มน้ำใช้ดื่มแก้อาการไอได้ และยังช่วยบำรุงร่างกาย ถอนพิษของฝิ่นได้

– เยื่อกลางผล สามารถนำมาพอกแผล แก้อาการฟกช้ำ อาการปวด อักเสบได้

ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับผักผลไม้ชนิดนี้กันค่ะ ว่าในผลฟักทอง 1 ผลจะมีประโยชน์ในด้านไหนบ้าง และควรบริโภคอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

1. ฟักทองมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการชะลอวัยความแก่ชรา

2. ช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพผิว ให้เปล่งปลั่งสดใส และช่วยปกป้องผิวไม่ให้เหี่ยวย่น

3. ฟักทองมีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงและรักษาสายตา

4. สามรถกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้

5. สามรถควบคุมความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพ

6. ในฟักทองมีคอลลาเจนตามธรรมชาติ จึงช่วยเสริมสร้าง คอลาเจนใต้ผิวหนังช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส

7. ฟักทองมีกรดโปรไพโอนิคซึ่งมีส่วนทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง

8. ฟักทองให้พลังงานต่ำ ไขมันน้อย จึงเหมาะแก่คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

9. ป้องกันการเกิดนิ่ว เพราะในฟักทองมีสารคิวเคอร์บิติน มีฤทธิ์ช่วยช่วยขับปัสสาวะ สามารถป้องกันการเกิดโรคนิ่วได้

10. ฟักทองมีฤทธิ์อุ่นซึ่งจะช่วยย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี

ฟักทองไม่ได้มีดีแค่เนื้อฟักทองสีเหลืองทองนะคะ เมล็ดฟักทองเองก็ช่วยคลายเครียดได้ดี น้ำมันฟักทองก็ช่วยบำรุงประสาท หรือแม้แต่เปลืองของฟักทองยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลืดให้อยู่ในระดับปกติอีกด้วย ดังนั้นลองทานฟักทองจากหลายๆ ส่วนดู และหากจะหั่นเนื้อฟักทองมาประกอบอาหาร อาจจะเหลือเปลือกบางๆ เอาไว้ทานกรุบๆ บ้างก็ได้

นอกจากนี้ ใครที่อยากทานฟักทองเพื่อลดความอ้วน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ก็อย่าเผลอทานฟักทองแกงบวด ฟักทองสังขยาล่ะ เพราะเป็นขนมที่มีน้ำตาลสูง แนะนำให้ต้ม หรือนึ่งทาน ปั่นทานกับผักผลไม้อื่นๆ หรือทำซุปฟักทอง ฟักทองผัดไข่ทานเป็นอาหารคาวน่าจะดีกว่าค่ะ

ข้อควรระวัง : การทานฟักทองมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้องได้ เพราะฉะนั้นควรทานแต่พอดีนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : goorusiam.com

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่