สุดยอดอัลมอนด์อีสาน เม็ดกระบก กินช่วยป้องกันความจำเสื่อม การเกิดมะเร็ง บำรุงหัวใจ
เม็ดกระบก หรือ อัลมอนด์อีสาน ที่เราเคยทานกัน มีลักษณะคล้ายกับรูปไตขนนาดใหญ่ เปลือกที่หุ้มเป็นสีน้ำตาล ส่วนเนื้อแป้งข้างในเมล็ดเป็นสีขาว รสชาตินั้นจะมีรสขมเล็กน้อย สรรพคุณมีส่วนช่วยในการบำรุงประสาทและสมองได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือป้องกันโรคความจำเสื่อม ป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านม และสามารถบำรุงหัวใจได้
วิธีทาน
– ให้นำเม็ดกระบกมาตากแห้ง หรืออบไล่ความชื้น จากนั้นนำไปคั่วด้วยไฟอ่อนๆ จนเม็ดเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง โรยเกลือเก็บไว้ในขวดโหล ทานวันละ 20 เม็ดครับ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงได้ถึง 35 เมตร ผลัดใบช่วงสั้นๆ ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดแน่นทึบและแผ่กว้าง ลำต้นหนาโคนต้นที่อายุมากมักเป็นพูพอน เส้นผ่าศูนย์กลางถึง 200 ซม. เปลือกสีเทาอมน้ำตาล เรียบหรือแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ เปลือกชั้นในสีส้มอ่อน กิ่งอ่อนมีรอยหูใบที่หลุดร่วงไปชัดเจน ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปรี รูปรีแกมรูปขอบขนาน รูปไข่ หรือรูปไข่แกมรูปขอบขนาน กว้าง 2.5-9 ซม. ยาว 8-20 ซม. ปลายเป็นติ่งแหลม โคนสอบมน หรือเบี้ยวเล็กน้อย ขอบเรียบ
แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ผิวด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างเกลี้ยง หรือมีขนประปราย ใบแก่ผิวเรียบ ด้านบนเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างมักจะมีนวลสีเขียวเทา เส้นแขนงใบ ข้างละ 8-10 เส้น เส้นใบย่อยแบบร่างแหเห็นชัดเจน ทั้งสองด้าน ก้านใบ ยาว 0.5-1.5 ซม. เป็นร่องทางด้านบน เกลี้ยง หูใบลักษณะเป็นกรวยยาวหุ้มยอดอ่อน ปลายแหลมโค้งเล็กน้อย เป็นรูปดาบ ยาว 1.5-3 ซม. หลุดร่วงง่าย
ทิ้งร่องรอยเป็นวงแหวนบนกิ่ง ช่อดอก แบบช่อแยกแขนง ยาว 5-15 ซม. ออกตามซอกใบ หรือปลายกิ่ง ดอกมักจะออกก่อนที่จะเกิดใบชุดใหม่ ดอกร่วงอย่างรวดเร็ว ใบประดับ รูปไข่ปลายแหลม ขนาดเล็กร่วงง่าย ดอกขนาดเล็ก สีขาวอมเขียว หรือสีเหลืองอ่อน กลีบเลี้ยงและกลีบดอก มีอย่างละ 5 กลีบ กลีบเลี้ยง กว้างประมาณ 0.5 มม. ยาวประมาณ 1 มม. เชื่อมกัน กลีบดอก กว้างประมาณ 1.5 มม. ยาว 2-3 มม. ปลายกลีบดอกจะม้วนออก เกสรเพศผู้ 10 อัน ติดกับขอบนอกของหมอนรองดอก รังไข่อยู่ เหนือวงกลีบ มี 2 ช่อง แต่ละช่อง มีออวุล 1 เม็ด ผล เป็นผลสด แบบผลผนังชั้นในแข็ง รูปไข่หรือรูปรี กว้าง 3-4 ซม. ยาว 4-5 ซม. มีนวลเล็กน้อย ผลมีสีเขียว เมื่อผลสุกสีเหลือง
มีเนื้อสีส้ม เมล็ด 1 เมล็ด แข็ง รูปไข่หรือรูปรีแกมรูปไข่ ค่อนข้างแบน เนื้อในเมล็ดสีขาว และมีน้ำมัน พบตามป่าเต็งรัง ป่าชายหาด ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ตลอดจนป่าดิบชื้น ที่สูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเล จนถึงประมาณ 300 เมตร ออกดอกระหว่าง เดือนมกราคม-มีนาคม เป็นผล ระหว่างช่วง เดือน กุมภาพันธ์- สิงหาคม เนื้อในเมล็ดนำมาคั่วสุกมีรสมัน รับประทานได้ น้ำมันจากเมล็ด ใช้ทำอาหาร สบู่ และเทียนไขได้ ผลสุก เป็นอาหารสัตว์ป่า
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://pastebangkok.com