อย่าทิ้ง! ไหมข้าวโพด นำมาต้มผสมกับสิ่งนี้ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด และโรคอื่นๆได้ดีมาก

0

อย่าทิ้ง! ไหมข้าวโพด นำมาต้มผสมกับสิ่งนี้ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด และโรคอื่นๆได้ดีมาก

ไหมข้าวโพดที่ดูเหมือนไร้ค่า ที่เรามักทิ้งเป็นประจำ ในความจริงแล้วคุณรู้หรือไม่ ว่ามันมีประโยชน์อย่างมากกับสุขภาพร่างกายของเรา หลายคนไม่รู้ว่าประโยชน์ของไหมข้าวโพดนั้นมีมากขนาดนี้เลยหรอ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง อ่านรายละเอียดด้านล่างกันเลยค่ะ

เกสรข้าวโพด สมุนไพรเป็นยาที่มีประโยชน์มาก เวลาปอกเปลือกทิ้งก็เก็บนำมาต้มดื่มบ้างนะคะ ต้มได้ทั้งเกสรสดและแห้ง หรือใช้วิธีชงเป็นชาดื่มแบบง่ายได้เช่นกัน

สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานควรต้มดื่มตามที่กำหนดนะคะ ไม่ควรต้มดื่มมากต่อครั้งหรือต่อวัน เพราะต้องระวังเรื่องไตหรือโรคแทรกซ้อนอย่างอื่นด้วย ความเข้มข้นของสมุนไพรที่ต้มดื่มต้องระวังมากๆ ดื่มแต่พอดีแต่ดื่มสม่ำเสมอก็จะได้ผลดี

หรือเป็นผู้ป่วยไม่ใช่คนร่างกายปกตินั้นต้องระวังเช่นกัน ดื่มให้ถูกวิธีนั่นเอง การต้มทั้งฝักกินเมล็ดหรือเป็นเมนูอาหารก็ได้ประโยชน์มากๆ เช่นกัน

เส้นไหมข้าวโพดจะเป็นเส้นบางๆ คล้ายเส้นไหม มันจะยาวยื่นพ้นออกมาตรงปลายฝักข้าวโพด คอยรับละอองเกสรตัวผู้เพื่อผสม มีรสออกหวาน มีสารอาหารมากมาย และมีคุณสมบัติในการขับปัสสาวะและลดบวม ยังสามารถช่วยลดความอ้วนได้ด้วย

ดังนั้นเวลาคุณนำข้าวโพดมาต้มกิน อย่าทิ้งไหมข้าวโพดนะ เพราะมันมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมหาศาล เพราะว่าเส้นไหมข้าวโพดช่วยขับปัสสาวะและลดบวมได้ และสำหรับคนที่คิดจะลดความอ้วน ลองนำมาทำเป็นชา

อาจใช้เส้นไหมข้าวโพดประมาณหนึ่งหยิบมือใส่ลงในแก้วแล้วเทน้ำร้อนลงไป ทิ้งไว้จนสีออกเหลืองทองก็ดื่มได้ แล้วดื่มไปนานๆ รับรองน้ำหนักของคุณต้องลดลงอย่างแน่นอน หรืออีกวิธีคือการทำน้ำต้มไหมข้าวโพด

จากการศึกษาพบว่า น้ำต้มเส้นไหมข้าวโพดมีสารอาหารมากมาย ในหมู่ยาจีนที่ใช้ขับปัสสาวะและน้ำดีจะมียาไม่กี่ตัวที่มีฤทธิ์เป็นกลางไม่ร้อนไม่เย็น เส้นไหมข้าวโพดจึงเป็นยาที่ใช้รักษาคนไข้ดีซ่านและโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดีได้ทุกประเภท ออกฤทธิ์ไม่รุนแรงเกินไป ที่สำคัญไหมข้าวโพดเป็นยาที่เราไม่ต้องซื้อซึ่งปกติเราโยนมันทิ้งด้วยซ้ำไป

ประโยชน์ของน้ำต้มเส้นไหมข้าวโพด

– มีคุณสมบัติในการขับปัสสาวะซึ่งจะช่วยให้ล้างสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยป้องกันความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดและระบบทางเดินปัสสาวะที่ติดไวรัส

– หากใครมีอาการโรคไตอักเสบเรื้อรัง ให้นำเส้นไหมข้าวโพดแห้งมาต้มกับน้ำแล้วดื่มวันละครั้ง จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าเส้นไหมข้าวโพดมีส่วนช่วยรักษาอาการอักเสบเรื้อรังได้

– มันไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร่างกายในเวลาไม่สบาย แถมยังช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกายได้อีกด้วย

– เส้นไหมข้าวโพดมีเส้นใยอาหารสูง สามารถป้องกันกระเพาะอาหารและกระตุ้นการย่อยอาหารให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น และช่วยระบบเผาผลาญของร่างกายให้ดีขึ้น

– มีวิตามินเคซึ่งจะช่วยในเรื่องการแข็งตัวของเลือด เมื่อคุณได้รับบาดเจ็บมันจะช่วยให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มและป้องกันการสูญเสียเลือด

– ควบคุมน้ำตาลในเลือด จากการศึกษาที่ผ่านมา เส้นไหมข้าวโพดได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวแทนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ มันจะเพิ่มระดับอินซูลินและช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายในตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน

– ช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไต เส้นไหมข้าวโพดได้ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันนิ่วในไตมาตั้งแต่สมัยโบราณ นิ่วในไตจะเกิดขึ้นจากการสะสมของผลึกเล็กๆในไตซึ่งจะช่วยในการไหลของปัสสาวะอย่างเหมาะสมและช่วยป้องกันการสะสมของผลึก

วิธีทำน้ำเกสรข้าวโพด

1. เกสรข้าวโพดดึงออกมาจากฝักทั้งหมด ที่เตรียมต้มแต่ละครั้ง

2. ล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นฝอยสั้นๆ

3. น้ำใส่หม้อพอประมาณกับเกสรข้าวโพดที่จะต้มแต่ละครั้ง นำเกสรที่หั่นไว้ใส่ลงเคี่ยวในน้ำเดือดเบาๆ ประมาณ 30 นาที

4. หากใส่เกสรมากน้ำจะมีสีเหลืองเข้ม ถ้าใส่เกสรน้อยน้ำจะสีเหลืองอ่อน การเพิ่มความหวานด้วยใบหญ้าหวานหรือน้ำตาลทรายแล้วแต่ผู้ดื่ม ไม่ใส่ความหวานก็ดื่มได้ง่ายเพราะรสจืดหอม

5. พอเย็นกรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่แก้วดื่มได้เลย ชอบเย็นก็แข่เย็นก่อนเพิ่มความชื่นใจ (ที่ต้องกรองด้วยผ้าขาวบางเพราะหั่นฝอยหากกรองด้วยตะแกรงเกสรก็จะรอดได้ แต่ถ้าไม่หั่นฝอยก็กรองตะแกรงได้)

วิธีใช้ลดน้ำตาลในเลือด

– ยอดดอกข้าวโพด 100 กรัม นำมาต้มดื่มน้ำเช้าเย็น

– หรือ ฝอยข้าวโพด 1 กรัม นำมาต้มดื่มน้ำเช้าเย็น

วิธีใช้ลดไขมันในเลือด

– ยอดดอกข้าวโพด 100 กรัม น้ำมาต้มน้ำดื่มเช้า เย็น

– เมล็ดข้าวโพด นำมาปรุงอาหาร

– ฝอยข้าวโพด 1 กรัม นำมาต้มดื่มเช้า เย็น

– น้ำมันข้าวโพด นำมาปรุงอาหาร

ประเทศที่ทำการทดลองวิจัยว่าข้าวโพดลดไขมันในเลือดได้ คือ

ประเทศไทย ค.ศ 2006 ประเทศจีน 2005 และ 2006 ประเทศญี่ปุ่น ค.ศ 1988 และ 1989

(ขอบคุณ ข้าวโพด ฯ จากหนังสือ สมุนไพรลดน้ำตาลในเลือด สมุนไพรลดไขมันในเลือด รวบรวมเรียบเรียงโดย เภสัชกรหญิงจุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก)

ขอบคุณข้อมูลจาก : nfc-skn.org, กานดา แสนมณี

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่