ของดี ไม่กินไม่ได้แล้ว! ประโยชน์ที่ได้จากการกินกล้วยน้ำว้า ที่หลายคนไม่เคยรู้
กล้วยน้ำว้า เป็นผลไม้ที่คนไทยคุ้นเคยและรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นสิ่งที่หากินได้ง่าย เกือบจะมีปลูกแทบทุกบ้านเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญนั้น การกินกล้วยน้ำว้าส่งผลที่ดีต่อร่างกายของเราอย่างมหาศาลเลยทีเดียว จะเรียกได้ว่าเป็นเหมือนยาวิเศษที่ช่วยรักษาและบรรเทาโรคที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเราได้เป็นอย่างดี
กล้วยน้ำว้ามีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 10 ชนิด เช่น โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี6 วิตามินบี12 วิตามินซี ธาตุเหล็ก ธาตุโพแทสเซียม ธาตุแมกนีเซียม โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เป็นต้น อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่สนับสนุนว่ากล้วยมีน้ำตาลจากธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส กลูโคส และ ฟรุคโทส ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงานในร่างกาย จึงทำให้การรับประทานกล้วยเพียงวันละ 2 ลูก สามารถเพิ่มพลังงานในร่างกายเท่ากับการออกกำลังกาย 90 นาทีกันเลยทีเดียว นอกจากประโยชน์โดยรวมของกล้วยแล้ว กล้วยยังมีประโยชน์และสรรพคุณที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละสีอีกด้วยนะคะ
การใช้ทำยา/สรรพคุณ/ประโยชน์
1. กล้วยดิบ (สีเขียวเข้ม)
เป็นกล้วยที่มีเปลือกสีเขียวค่อยข้างเข้มหรือกล้วยดิบนั้นเอง มีสรรพคุณช่วยแก้โรคกระเพาะ เพราะในกล้วยดิบมีสารที่ให้ความฝาด เรียกว่า แทนนิน (Tannin) เป็นกรดอ่อนๆ มีฤทธิ์ในการเคลือบกระเพาะอาหารและลำไส้ได้
วิธีการกินกล้วยดิบ ให้เป็นยาก็ไม่ใช่เรื่องกล้วยๆเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อกินเป็นยาแก้โรคกระเพาะ ควรนำกล้วยดิบมาฝานเป็นแว่นบางๆ แล้วอบให้แห้งที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ห้ามใช้ความร้อนสูงกว่านี้เด็ดขาด เพราะสารในกล้วยมีฤทธิ์รักษาโรคกระเพาะนั้นจะสูญเสียไปหรือหมดฤทธิ์ไปเลยก็ได้ ถ้าโดนความร้อนสูงมากเกินไป กล้วยดิบที่ผ่านการอบอุณหภูมิต่ำแล้ว ให้นำมาบดเป็นผง กินครั้งละ 1 ช้อนชา จะผสมกับน้ำผึ้งหรือไม่ก็ได้ กิน 3 ครั้งก่อนอาหาร กล้วยดิบๆมีฤทธิ์ทั้งป้องกันและรักษาโรคกระเพาะ ส่วนยาแผนปัจจุบันทุกขนานที่ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารนั้นมีฤทธิ์เพียงป้องกันแต่ไม่ช่วยรักษา กล้วยจึงเป็นยารักษาโรคกระเพาะที่มีราคาถูกที่สุด และหาง่ายที่สุด
2. กล้วยห่าม เพิ่งเริ่มสุก (สีเขียวอ่อน)
เปลือกยังสีเขียวอยู่ประปราย อาจเรียกได้ว่าเป็นกล้วยกึ่งสุกกึ่งดิบ สามารถนำมารับประทานได้ทันที เป็นทั้งยาและอาหารที่ดีมากสำหรับคนท้องเสีย เพราะนอกจากจะช่วยแก้ท้องเสียแล้ว ยังช่วยหล่อลื่นลำไส้ ช่วยเพิ่มกากเวลาถ่าย กล้วยกึ่งดิบกึ่งสุกยังมีธาตุโพแทสเซียมสูงมาก ดังนั้นเวลาใช้กล้วยแก้ท้องเสีย ก็เท่ากับให้ธาตุโพแทสเซียมไปในตัวด้วย
3. กล้วยสุก (สีเหลืองนวล)
เป็นกล้วยที่มีสีเหลืองสดพร้อมรับประทาน เป็นยาระบายแก้ท้องผูก เพราะมีสารเพ็กติน (Pectin) ที่เป็นเส้นใยอยู่มาก จึงช่วยเพิ่มกากในลำไส้ กล้วยที่สุกงอมมากๆ จะมีฤทธิ์ระบายสูง เพราะมีสารเพ็กตินมาก ต้องทานเป็นประจำวันละ 5-6 ลูก เพื่อให้ได้ผลดีกับระบบขับถ่าย
4. กล้วยสุกงอม (สีเหลืองเข้ม)
เป็นกล้วยที่สุกเต็มที่ มีสีเหลืองเข้มคล้ำๆ เนื้อกล้วยจะค่อยข้างเละ หลายคนไม่ค่อยรับประทาน แต่ในทางกลับกันกล้วยงอมกลับมีประโยชน์มากมาย เพราะมีสาร Tumor Necrosis Factor (TNF) ที่ช่วยป้องกันจากเซลล์ที่ผิดปกติ ทำให้มีปริมาณเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย โดยเฉพาะกล้วยที่มีจุดดำมากเท่าไหร่ยิ่งดี คุณสามารถเสริมภูมิคุ้มกันป้องกันโรคหวัดได้ด้วยการรับประทาน กล้วยน้ำว้าวันละ 1-2 ลูก เพื่อสุขภาพที่ดีได้
เมื่ออ่านถึงตรงนี้คุณคงรู้ถึงประโยชน์ของกล้วยน้ำว้าแต่ละวัยกันแล้วใช่ไหม? ลองเลือกรับประทานกล้วยให้ตรงกับความต้องการของร่างกายคุณดูนะ ตามด้วยมื้ออาหารเมนูอร่อยของคุณกับข้าวสวยไรซ์เบอร์รี่ร้อนๆสักจาน รับรองหมดกังวลเรื่องระบบขับถ่าย หุ่นสวย สุขภาพดีได้แน่นอน ครั้งหน้าจะนำเรื่องราวดีๆอะไรมาฝากอีก โปรดติดตามต่อไปนะค่ะ อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจกันด้วยนะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : hongthongrice , kaijeaw , Naykhaotom