สมุนไพรชนิดนี้ขึ้นชื่อว่า “แก้โรคมะเร็งร้าย” เพียงแค่นำมาต้มกินทุกวัน ควรมีอยู่ในสวนหลังบ้าน

0

สมุนไพรชนิดนี้ขึ้นชื่อว่า “แก้โรคมะเร็งร้าย” เพียงแค่นำมาต้มกินทุกวัน ควรมีอยู่ในสวนหลังบ้าน

โรคมะเร็ง เป็นโรคร้ายแรงที่คร่าชีวิคผู้คนมามากมาย เพราะในปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาด นอกจากจะช่วยชะลออาการให้ช้าลงเท่านั้นเอง สาเหตุที่สำคัญนั้นมาจาก การใช้ชีวิตประจำวันของเรานั้นเอง การละเลยการดูแลสุขภาพร่างกายตังเอง เรื่องของอาหาร การออกกำลังกาย

“จิงจูฉ่าย” ผักใบเขียวลักษณะคล้ายต้นขึ้นฉ่าย เมนูยอดฮิตของคนชอบกินเกาเหลาเลือดหมู มีงานวิจัยออกมาแล้วว่า นอกจากประโยชน์ แก้ไข้ไตบำรุงปอด ฟอกเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี ยังช่วยรักษาโรคมะเร็งด้วย มาดูกันว่า จิงจูฉ่ายนี้มีสรรพคุณและดีอย่างไร

ชื่อว่าหลายๆท่านที่ชอบกินเกาเหลาเลือดหมู หรือเมนูต้มทั้งหลายจะรู้จักกันดีกับผักลักษณะใบแฉกๆ สีเขียว คล้ายๆกับต้นขึ้นฉ่าย หรือที่เรียกกันว่า “จิงจูฉ่าย” จิงจูฉ่าย คือชื่อของผักของจีนชนิดหนึ่งส่วนมากนิยมนำไปใส่ในเกาเหลาเลือดหมูเพราะช่วยดับกลิ่นคาวเลือดได้และ มีสรรพคุณทางสมุนไพรสำหรับ

จิงจูฉ่ายเป็นที่นิยมมากของชาวจีน เนื่องจากจิงจูฉ่ายเป็นยาเย็น (หยิน) กลิ่นน้ำมันหอมระเหยจากใบและลำต้นจิงจูฉ่าย ยิ่งต้มร้อนๆหรือ กินสดๆ จะมีสารไลโมนีน ซิลนีน และสารกลัยโคไซด์ที่มีชื่อว่า อะปิอิน ซึ่งสารเหล่านี้มีสรรพคุณ ช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดัน อีกทั้งช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ดีด้วย ส่วนลำต้นสด และเมล็ดของต้น “จิงจูฉ่าย” มีโซเดียมต่ำ จึงดีต่อผู้ป่วยโรคไตครับ

สรรพคุณของจิงจูฉ่ายต้นจิงจูฉ่ายมี สรรพคุณทางยาสูง จิงจูฉ่าย ๑๐๐ กรัมให้พลังงาน 392 กิโลแคลอรี่ประกอบด้วยสารอาหารนานาชนิด ได้แก่โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต, เส้นใย, แคลเซียม, เหล็ก, ฟอสฟอรัส, วิตามินเอ, วิตามินบี๖, วิตามินซี และวิตามินอี

“จิงจูฉ่าย” ใช้ต้นและใบ กะพอประมาณปั่นผสมน้ำสะอาด 1-2 แก้ว ใช้ผ้าขาวบางกรองเอาเฉพาะน้ำดื่มวันละแก้วควรรับประทาน1ชั่วโมงก่อนอาหารหรืออย่างน้อยสองชั่วโมงหลังอาหารเพื่อความ รวดเร็วของการเข้าถึงเซลล์และป้องกันการปะปนกับสารอื่นๆซึ่งอาจทำให้ฤทธิสาร ดังกล่าวลดลง จะช่วยป้องกันมะเร็งได้ อาจไม่ได้ช่วยได้ 100 % แต่สรรพคุณ และด้วยสารที่มีในต้นจิงจูฉ่าย จะช่วยให้ร่างกายและการรักษาโรคมะเร็งดีขึ้น แต่ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย และเลือกกินอาหารที่ดี

7 สรรพคุณของจิงจูฉ่าย มีประโยชน์มากมายกว่าที่เราคิด

1. สรรพคุณของจิงจูฉ่ายสู้กับมะเร็งร้ายได้ จากผลการวิจัยพบว่าจิงจูฉ่ายนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งได้ โดยให้นำใบจิงจูฉ่าย 1 กำมือ มาปั่นหรือตำแล้วคั้นเอาน้ำออกมากินเช้า-เย็น ก่อนกินอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง วันละ 1-2 ครั้ง ให้กินติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 เดือน จะสามารถต้านทานเซลล์มะเร็งได้ เพราะสารที่มีในต้นจิงจูฉ่ายจะช่วยให้ร่างกายและการรักษาโรคมะเร็งดีขึ้น

2. จิงจูฉ่ายมีเกลือแร่และวิตามินสูง โดยมีวิตามินซีสูงมากกว่ามะนาวถึง 58 เท่า มีวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินบี 6 เหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และใยอาหาร จึงจัดเป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยาสูงมาก

3. จิงจูฉ่ายเป็นสมุนไพรบำรุงเลือดลมได้ดี โดยเฉพาะบำรุงเลือดลมสตรี แก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ ช่วยประสะเลือด เลือดลมจึงมาตามปกติ

4. น้ำมันหอมระเหยของจิงจูฉ่ายช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดัน และช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ดี

5. จิงจูฉ่ายมีสรรพคุณเป็นยาเย็น หากกินในหน้าหนาวจะช่วยบำรุงปอด ช่วยฟอกเลือด ทำให้เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก และช่วยปรับสมดุลร่างกาย

6. ประโยชน์ของจิงจูฉ่ายช่วยดับพิษ แก้อักเสบ แก้ผิวหนังเป็นฝี ตุ่ม แก้ผดผื่นคันได้ดี

7. จิงจูฉ่ายมีประโยชน์รักษาโรคมาลาเรียได้ ซึ่งเชื้อโรคนี้คล้ายๆ กับเซลล์โรคมะเร็ง

แม้ว่าสรรพคุณและประโยชน์ของจิงจูฉ่ายจะดีต่อร่างกาย แต่ข้อควรระวังอย่างนึงคือ สตรีมีครรภ์ห้ามกินผักจิงจูฉ่ายอย่างเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้แท้งได้

เห็นหรือยังว่า “จิงจูฉ่าย” เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามากมาย สามารถดูแลรักษาสุขภาพของเราได้ หากรู้จักเลือกกินเลือกใช้อย่างถูกต้องก็จะมีคุณต่อสุขภาพของเรา รู้อย่างนี้แล้วจะหาจิงจูฉ่ายมาปลูกไว้ที่บ้าน หรือซื้อจากตลาดมาทำอาหารก็ได้ แล้วแต่ใครจะสะดวกวิธีไหน ขอเพียงเปิดใจให้จิงจูฉ่ายอยู่ในมื้ออาหารของคุณก็ถือว่าได้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดีขึ้นอีกขั้นหนึ่ง

นอกเหนือจากใส่ต้มเลือดหมูที่ว่าแล้ว จิงจูฉ่ายยังสามารถใช้ผัดเหมือนผัดผักบุ้งไฟแดงได้อีกด้วย วิธีทำคือ นำผักจิงจูฉ่ายมาเด็ดใบออก ส่วนก้านเด็ดเอาเฉพาะก้านอ่อน ก้านแก่ให้เก็บไว้ก่อน ล้างผักให้สะอาดใส่กระชอนจนสะเด็ดน้ำ นำมาวางไว้บนจาน ทุบกระเทียม พริกขี้หนู วางไว้บนผัก ใส่เต้าเจี้ยว ถ้าชอบเต้าเจี้ยวมากก็ใส่มาก งดใส่น้ำปลาซะ ซอสปรุงรสใส่เล็กน้อย ที่ลืมไม่ได้คือน้ำมันหอย ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เร่งไฟแรง รอจนน้ำมันเริ่มเดือด เทผักในจานลงกระทะ เสียงดังฉ่า รอสักพัก ให้กลับผักในกระทะ ขอบอกนิดจิงจูฉ่ายจะแข็งกว่าผักบุ้ง เพราะฉะนั้น ต้องใช้เวลามากกว่าผัดผักบุ้ง แต่หน้าตาออกมาก็คล้ายผักบุ้งไฟแดงมาก แค่นี้เราก็ได้จิงจูฉ่ายไฟแดงกินกะข้าวต้มหรือข้าวสวยเป็นเมนูสุขภาพ 1 จาน

ส่วนเมนูอีกอย่างหนึ่งคือ ใช้แทนผักในแกงส้ม หรือแกงจืดตามปกติ ส่วนก้านแก่ที่ให้เก็บไว้ให้นำมาหั่นเป็นท่อนเล็กๆ ประมาณครึ่งเซนติเมตร นำมาตากให้แห้งสัก 2 แดด แล้วนำมาชงกินแทนชา เท่ากับว่าจิงจูฉ่ายสามารถใช้ประโยชน์ได้แทบทุกส่วน

ถึงแม้จิงจูฉ่ายจะเป็นพืชผักที่มาจากเมืองจีน แต่ก็เป็นผักที่เราปลูกครั้งเดียวแล้วสามารถเก็บกินได้นานกว่าผักจีนตัวอื่น เช่น คะน้า กวางตุ้ง ที่ต้องถอนทั้งรากทั้งโคน จะกินใหม่ค่อยปลูกใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เสียเวลาสำหรับคนเมือง แต่จิงจูฉ่ายเก็บกินได้นานเหมือนผักพื้นบ้านของเราทั่วไป เชิญชวนให้หาซื้อจิงจูฉ่ายมาปลูกไว้ประจำบ้าน เพราะเดี๋ยวนี้สนนราคาไม่แพง กระถางละ 25-40 บาท แตกต่างกับสมัยก่อนซึ่งคนที่มียังคงหวงพันธุ์ไว้ จึงซื้อขายกันในราคาแพง

ขอบคุณข้อมูลจาก : khaozood

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่