อาการเจ็บป่วย รักษายังไงก็ไม่หาย อยากให้ลองสวดคาถานี้ สวดให้ฟังบ่อยๆ อาการดีขึ้น

0

อาการเจ็บป่วย รักษายังไงก็ไม่หาย อยากให้ลองสวดคาถานี้ สวดให้ฟังบ่อยๆ อาการดีขึ้น

ใครที่มีญาติมิตร ที่นอนติดเตียง รักษาอาการไม่หาย อยากให้ลองสวดคาถานี้ดูเป็นคาถาต่ออายุ เราได้นำมาแชร์ให้เพื่อนๆได้นำไปใช้ประโยชน์ เราไม่ได้เขียนหรือมั่วขึ้นมาเอง แต่ได้นำมาจากหนังสือสวดมนต์ที่หลวงปู่ได้มอบไว้ให้ เมื่อประมาณเดือน กรกฎาคม ๒๕๔๓ ที่บ้านตะเคียนราม

บ้านเลขที่ ๕๒ หมู่ ๑๔ ต. ตะเคียนราม อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และประกอบกับหลวงปู่ได้ขอที่จะมาอยู่ด้วยที่บ้านหลังนี้ เพื่อให้หายจากอาการป่วยของหลวงปู่ ตัวข้าพเจ้าเองไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคาถาดังกล่าวหมายถึงอะไร

รวมระยะเวลาแล้วก็คงจะประมาณ ๑๕ ชั่วโมง ก็มีข่าวว่าหลวงปู่ได้ละสังขาร คงจะเป็นผู้โง่เขลาเบาปัญญาของข้าพเจ้าเองที่ขาดความพิจารณา ที่ไม่มีความคิดและไม่ได้ท่องคาถาดังกล่าว เพื่อถวายหลวงปู่จนกระทั่งวันนี้เมื่อข้าพเจ้าเห็นหนังสือเล่มดังกล่าวแล้ว รู้สึกเวทนาตัวเองเป็นยิ่งนัก

พระคาถาต่ออายุ (ฉบับหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน)

พระคาถาต่ออายุ

อิติปิ โส ภะคะวา พระอาทิตย์เทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระจันทร์เทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระอังคารเทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระพุธเทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระพฤหัสเทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระศุกร์เทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระเสาร์เทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระเกตุเทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง

อิติปิ โส ภะคะวา สัมมา สัมพุทโธ

อิติปิ โส ภะคะวา วิชาจะระณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา สุคะโต

อิติปิ โส ภะคะวา โลกะวิทู

อิติปิ โส ภะคะวา อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ

อิติปิ โส ภะคะวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง

อิติปิ โส ภะคะวา พุทโธ

อิติปิ โส ภะคะวา ภะคะวา ภะคะวาติ

(พิมพ์คัดลอกมาจากหนังสือ“หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน”หน้า ๕๗-๕๘)

ประวัติโดยย่อ หลวงปู่สรวง

ท่านถือเป็นเกจิอาจารย์ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาต่อชนชาวอีสาน อย่างสูงตั้งแต่เมื่อครั้งยังมีชีวิตและถึงแม้ว่าท่านจะเสียไปเกือบ 2 ทศวรรษก็ยังมิเสื่อมคลาย ด้วยความที่หลวงปู่สรวงท่าน สงบเงียบ พูดน้อย รักความสันโดษ จึงไม่ค่อยมีใครรู้ถึงความเป็นมาของหลวงปู่สรวง แต่ชาวบ้านจะรู้จักท่านในรูปของนักบวชเชื้อสายเขมร ธุดงค์ตามเทือกเขาพนมดงรัก ข้ามไปมาระหว่าง 2 ประเทศ ชาวบ้านเรียกขานท่านตามภาษาเขมรว่า “ลูกเอ๊าะเบ๊าะ” หรือ “ลูกตาเบ๊าะ” หมายถึงพระดาบสผู้รักษาศีลและมีเมตตาธรรมสูง แต่คนไทยเรียก “หลวงปู่สรวงเทวดาเดินดิน”

ซึ่งหากพบกับชาวบ้าน ท่านมักจะพูดและสอนว่า “ออย เตียน สรู ตึ๊กเจย” (แปลว่าให้มีสุขสบาย ข้าวดีน้ำดี อุดมสมบูรณ์ด้วยความพอเพียง) ตลอดระยะเวลา หลวงปู่สรวงจะจำวัด ณ สำนักสงฆ์แห่งหมู่บ้านไพรบึงน้อย (วัดไพรพัฒนาปัจจุบัน) กับ กระท่อมหลังเล็กๆทั่วไปตามหัวไร่ปลายนา อยู่อย่างง่ายมีเพียงแผ่นไม้กระดานไม้ปูนอนก็เป็นที่พอใจ ส่วนใหญ่มักจะชอบป่าเขาลำเนาไพรมากกว่า ในชุมชนทุกแห่งที่หลวงปู่จำวัด จะปักเสาไม้ไผ่ตั้งลำไว้ให้เห็นอย่างเด่นชัด และเอาเชือกผูกโยงระหว่างกระท่อมกับเสาหรืออาจเป็นต้นไม้ในบางครั้ง แล้วจะแขวนว่าว ขนาดใหญ่ทำด้วยจีวรหรือกระดาษ ผูกไว้เป็นสัญลักษณ์ ที่สำคัญคือจะสุมกองไฟไว้ตลอดเวลา ไม่ว่ากลางวัน หรือกลางคืนและจะถือปฏิบัติเฉกนี้เป็นเอกลักษณ์ หลวงปู่สรวง กระทั่ง 8 กันยายน 2543 ท่านมีอาการอาพาธ ศิษยานุศิษย์ได้นำส่งโรงพยาบาลสุรินทร์ หลวงปู่ได้ละสังขารก่อนถึงจุดหมาย (ก่อนสำนักสงฆ์จะเป็นวัด 6 ปี)หลวงปู่สรวง ท่านเป็นอริยสงฆ์ที่มีพลังบารมีธรรมในขั้นสูงรูปหนึ่ง แม้มิสำแดงตนในอิทธิปา-ฏิหาริย์ แต่ก็มีบางรายได้สัมผัสในความศักดิ์สิทธิ์ แล้วมาเล่าขานจากปากต่อปากจนเป็นที่เลื่องลือเลื่อมใส ในอดีตที่ผ่านเมื่อครั้งยังมีชีวิตได้ออกวัตถุมงคลหลายรุ่น และเมื่อละสังขารแล้วเหล่าศิษยานุศิษย์ก็มีการสร้างขึ้นมาเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.sharesaradee.com

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่