เป็นไปได้ยังไง! เด็กวัย 15 กินข้าวกินน้ำไม่ได้ เจ็บท้องหนัก แพทย์ตรวจดูถึงกับผงะ!

0

เป็นไปได้ยังไง! เด็กวัย 15 กินข้าวกินน้ำไม่ได้ เจ็บท้องหนัก แพทย์ตรวจดูถึงกับผงะ!

เมื่อเด็กหญิงวัย 15 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน หลังจากที่ไม่สามารถรับประทานอาหารหรือน้ำได้เลย เหตุที่เธอไม่สามารถรับประทานอาหารหรือน้ำได้เลยนั้นเป็นเพราะเธอป่วยเป็นโรคประหลาด

โดยเธอไม่สามารถหยุดกินผมตัวเองได้ ทำให้ท้องของเธอมีขนาดใหญ่กว่าปกติ และมีอาการเจ็บท้องอย่างเฉียบพลัน
คุณหมอได้ทำการผ่าตัด ภายในห้องผ่าตัดเต็มไปด้วยความเครียดคลุมเครือ เพราะปริมาณของเส้นผมนั่นมีเยอะมากหนักถึง 2 กิโลกรัม จนน่าตกใจ วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักโรคประหลาดนี้กัน

โรค Pica คือ พฤติกรรมหรือโรคที่ผู้ป่วยซึ่งมีความผิดปกติทางการรับประทานอาหารซึ่งสิ่งที่รับประทานนั้นไม่ใช่อาหาร ( Pica is a pattern of eating non-food materials)

Pica มีรากศัพท์มาจากภาษาลาติน คำว่า “magpie” ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนกตัวหนึ่งที่กินไม่เลือก ซึ่งตัวโรคดังกล่าวนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จนกว่าผู้ป่วยจะกินสิ่งที่มีพิษ มีสารตกค้าง ของมีคม หรือโลหะที่มีสนิม

โรคนี้มักพบในหญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็กๆ อายุระหว่าง 2 – 3 ขวบ ผู้มีปัญหาทางจิต ผู้มีปัญหาขาดแร่เหล็ก และสังกะสี แต่สาเหตุของโรค ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

สิ่งที่ผู้ป่วยโรค Pica กินเข้าไปมีมากมาย นับตั้งแต่ เส้นผม ดิน โคลน สี แมลง ปูน ชอล์ค สบู่ ยาสีฟัน น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาชักเงา ตะปู เหรียญ ผงซักฟอก บุหรี่ ก้นบุหรี่ ขี้เถ้า กาว กระดาษ ทราย รากไม้ โลหะ ไปจนกระทั่งเถ้ากระดูกของคนรักที่จากไป และอุจจาระ

โรค Pica เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับคนทั่วโลก และเกิดขึ้นได้กับทั้งเพศชาย และเพศหญิงเท่าๆ กัน และยังไม่ตัวเลขทางระบาดวิทยาที่แน่นอน

ส่วนใหญ่มักพบการเกิดโรคในเด็กและพบร่วมกับภาวะผู้ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญามากกว่าเด็กที่ป่วยเป็น Pica โดยไม่มีโรคหรือภาวะอื่นแทรกซ้อน ผู้ป่วยโรค Pica ในวัยรุ่นและผู้ใหญ่หาได้ยาก เว้นแต่จะติดพฤติกรรมเหล่านั้นมาตั้งแต่วัยเด็ก

อย่างไรก็ตาม หากพฤติกรรมนี้เกิดขึ้นกับเด็กที่มีอายุระหว่าง 18 เดือน ถึง 2 ขวบปี จะไม่ถือเป็นความผิดปกติ เนื่องจากเด็กในช่วงอายุดังกล่าวนี้ยังแยกแยะว่าสิ่งใดรับประทานได้หรือไม่ และไม่อยากแยกแยะได้ว่าสิ่งใดมิใช่อาหาร และเป็นอันตราย

แต่ในบางสังคม ไม่ถือการกินบางสิ่งบางอย่างเป็นพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ เช่น ชาวพื้นเมืองของประเทศออสเตรเลีย (aborigines) ที่รับประทานดินโคลนเพื่อการเจริญพันธุ์ หรือในประเทศตุรกี ผู้หญิงสาวได้รับการสนับสนุนให้รับประทานดินโคลนเพื่อเพิ่มการเจริญพันธุ์เช่นกัน

แม้ความผิดปกติเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเป็นปัญหาที่พบได้ไม่บ่อย แต่ก็มีความสำคัญทางคลินิก และถูกจัดอยู่ในโรคทางจิตเวช ตามเกณฑ์ของ Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorder (DSM-IV)

เกณฑ์การวินิจฉัยโรค Pica

1. ต้องรับประทานสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร หรือสิ่งซึ่งไม่มีสารอาหารต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน

2. สิ่งที่รับประทานนั้นไม่เหมาะสมกับระดับพัฒนาการของบุคคลนั้น

3. สิ่งที่รับประทานไม่ใช่ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม

4. ถ้าพฤติกรรมเกิดขึ้นร่วมกับความผิดปกติทางด้านจิตใจ เช่นภาวะบกพร่องทางสติปัญญา ภาวะบกพร่องทางพัฒนา จิตเภท มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการวินิจฉัยทางคลินิก

สาเหตุของโรค Pica

สาเหตุของโรคนี้ยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด มีหลายสมมติฐานไม่ว่าสมมติฐานทางเคมี ชีวภาพ สังคมเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และพลวัตร ที่พยายามจะอธิบายพฤติการณ์ดังกล่าว ดังนี้

1. ภาวะบกพร่องทางโภชนาการ

ถึงแม้จะยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนที่หนักแน่นพอเกี่ยวกับภาวะบกพร่องทางโภชนาการกับโรคปิก้า แต่ในปัจจุบัน สมมติฐานนี้ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น เนื่องจาการพัฒนาวิธีการที่จะอธิบายลักษณะทางกายภาพ แร่ธาตุ และเคมีของโรคปิก้า ซึ่งผู้ป่วยปิก้าที่รับประทานดินโคลน และดินมักถูกวินิจฉัยว่ามีความสัมพันธ์กับการขาดสารอาหารหรือแร่ธาตุ โดยเฉพาะถูกเชื่อมโยงกับภาวะการขาดธาตุเหล็ก

2. ปัจจัยด้านครอบครัวและวัฒนธรรม

การรับประทานสิ่งแปลกๆเด็กอาจเห็นต้นแบบจากพ่อแม่ของเขาและเรียนรู้ผ่านการได้รับการเสริมแรง โดยเฉพาะการรับประทานดิน โคลน เป็นต้น ได้รับการยอมรับในหลายๆ สังคมโดยไม่ถือว่าเป็นความเป็นความเจ็บป่วย อาทิ กลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองในแอฟริกา กลุ่มชนทางตอนใต้ของอเมริการ และชาวพื้นเมืองของออสเตรเลีย

3. ความเครียด

ความเครียดที่เกิดจากการถูกแยกจากพ่อแม่ การพลัดพรากจากแม่หรืออาการขาดแม่ (maternal deprivation) ถูกพ่อแม่ละเลย ไม่เอาใจใส่ ถูกกระทำด้วยความก้าวร้าวรุนแรงความสัมพันธ์ที่ห่างเหินระหว่างพ่อแม่กับเด็ก เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดและมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรค Pica

4. ฐานะยากจน

เด็กที่เติบโตในครอบครัวที่มีฐานะยากจนมักขาดการดูแลจากพ่อแม่ซึ่งมีผลต่อการรับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ

5. การไม่สามารถแยกแยะสิ่งที่เป็นอาหารกับสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร

มักเกิดขึ้นร่วมกับภาวะบกพร่องทางสติปัญญา การแยกแยะประกอบไปด้วย 2 กลไก ได้แก่ การรับรู้ความรู้สึกอิ่มในสิ่งที่รับประทานเข้าไปและความอยากจะรับประทานอาหารชนิดอื่นๆ และความกลัวอาหารชนิดใหม่ๆที่ไม่เคยรับประทานมาก่อน ซึ่งพบว่ากลไกทั้ง 2 อย่างของผู้ป่วย โรค Pica มีความบกพร่องผลต่อร่างกายเนื่องมาจากโรคPica คือได้รับสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย โดยเฉพาะพิษจากสารตะกั่ว หรืออาจติดเชื้อจากปรสิตชนิดต่างๆเช่น toxoplasmosis และ toxocariasis

ถึงแม้โรค Pica จะพบได้ไม่มากและจะพบในวัยเด็กเป็นส่วนใหญ่ แต่ผลจากโรคนี้อาจก่อให้เกิดความผิดปกติต่อพัฒนาการด้านร่างกายในวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ได้หากไม่ได้รับการดูแลรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ

เมื่อวิเคราะห์เกี่ยวกับสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดโรคแล้ว จะพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู ดังนั้นพ่อแม่มีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกเป็นโรคนี้โดยการ

1. ดูแลสุขภาพของมารดาขณะตั้งครรภ์

2. การเป็นตัวอย่างที่ดีในการรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ

3. จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยสำหรับเด็ก ไม่ให้เด็กมีโอกาสรับประทานอาหารของที่เป็นพิษ

4. การเลี้ยงดูเอาใจใส่ให้ความรักแก่ลูกเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากใยครอบครัว

ขอขอบคุณ : item2day

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่