แม่ป่วยจนไม่ไหว หนูน้อย 9 ขวบต้องดูแลบ้านเอง จู่ๆมีลุงให้ ‘ปลา 2 ตัว’ มาทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไป!

0

แม่ป่วยจนไม่ไหว หนูน้อย 9 ขวบต้องดูแลบ้านเอง จู่ๆมีลุงให้ ‘ปลา 2 ตัว’ มาทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไป!

เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศได้ออกมานำเสนอเรื่องราวของชาวเน็ตท่านหนึ่ง โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า.. ปีนี้โคจิอายุ 9 ขวบ มีน้องชายอีกคนอายุ 4 ขวบ แม่ของเธอป่วยหนักอยู่ในโรงพยาบาล พ่อเองนอกจากต้องดูแลแม่แล้ว ยังต้องออกไปทำงานหาเงิน ทำให้โคจิในวัย 9 ขวบต้องช่วยดูแลครอบครัว ไม่ว่าจะซักผ้า ทำอาหาร แถมยังต้องพาน้องไปโรงเรียนด้วย

ทุกวันโคจิต้องตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร เรียกน้องให้ตื่น อาบน้ำแปรงฟันกินข้าว จากนั้นก็พาน้องไปโรงเรียนด้วย หลังจากคุณครูเข้าใจสถานการณ์ของเธอ ก็หาที่ว่างในห้องเรียนให้น้องชายของเธอนั่งเล่น แล้วก็บอกให้เพื่อนๆช่วยเธอกับน้องด้วย ใครมีอุปกรณ์การเรียนอะไรที่ไม่เอาแล้วสามารถบริจาคให้เธอได้ น้องชายแม้ว่าจะยังเล็ก แต่ก็รู้ความ ไม่รบกวนเวลาพี่ๆเรียนหนังสือ แกจะนั่งเล่นเงียบๆรอพี่สาวถึงเวลาเลิกเรียน

ชีวิตไม่ง่ายเลย ทำให้โคจิกลายเป็นคนประหยัด แถมเย็บปักถักร้อยเก่ง สามารถเอาเสื้อผ้าของผู้ใหญ่มาแก้ให้กลายเป็นตัวเล็กๆให้น้องชายใส่ได้ โคจิที่เพิ่งจะ 9 ขวบทำทุกอย่างได้เหมือนผู้ใหญ่สัก 9 คน

ด้วยความช่วยเหลือของลูกสาว ทำให้คุณพ่อไม่ต้องเป็นกังวล สามารถดูแลแม่ได้อย่างเต็มที่ แต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลก็แพงมาก โคจิก็จะปลอบโยนพ่อตลอดว่า แม่เป็นคนดี จะต้องอาการดีขึ้นแน่ๆ พวกเราต้องเชื่อมั่น!

วันนี้เป็นวันเกิดของพ่อ โคจิเห็นพ่อต้องวิ่งรอกระหว่างโรงพยาบาลกับตลาดทุกวัน พ่อเหนื่อยมากท่านดูแก่ไปเยอะ เธออยากทำอาหารอร่อยๆให้พ่อกิน เธอก็เลยเอาเงินค่าขนมที่เคยประหยัดเอาไว้ออกมา จากนั้นสองพี่น้องก็มุ่งหน้าไปตลาด

ที่ตลาดมีคนมากมาย สารพัดผักผลไม้อาหารทะเลนานาชนิด ละลานตา แต่พอถามราคา โคจิก็ต้องก้มหน้า ในกระเป๋าเธอมีเงินอยู่ไม่เท่าไหร่ ซื้อของดีๆพวกนี้ไม่ไหว แล้วตอนนั้นเอง โคจิก็เห็นร้านขายผักร้านนึงอยู่ข้างหน้า เขาลอกใบผักทิ้งมากมาย เธอก็เลยจูงน้องชายเดินไป แล้วเก็บผักที่เจ้าของร้านลอกทิ้ง น้องชายยังเล็กมือนึงก็จับพี่สาวไว้ มือถึงก็เก็บผักขึ้นมา

เจ้าของร้านเห็นพฤติกรรมของสองพี่น้อง ก็โมโหเดินมาปัดผักในมือน้องชายทิ้ง แถมด่าว่าอย่างรุนแรง : “ไอ้เด็กเวร ผักพวกนี้ใครให้แกเก็บ ฉันจะเอาไปเลี้ยงกระต่าย ถ้าเก็บอีกตีมือหลุดแน่” น้องชายตกใจร้องไห้โฮ โคจิที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็นิ่งไปสักพัก เธอเช็ดน้ำตาแบบไม่มีเสียง แล้วจูงมือน้องเดินจากมา

ตอนที่เกิดเหตุทั้งหมด มีคุณลุงขายอาหารทะเลคนนึงเห็นเหตุการณ์ ก็เลยเรียกเด็กทั้งสองให้หยุดลง แล้วถามอย่างมีเมตตา : “หนูๆ พ่อแม่ไปไหนล่ะ ทำไมปล่อยหนูมาจ่ายตลาดกันเอง

โคจิตาแดง ตอบไป : “แม่หนูไม่สบาย พ่อต้องดูแลแม่ วันนี้เป็นวันเกิดพ่อ หนูจะทำอาหารอร่อยให้พ่อกิน แต่หนูไม่มีเงินมากพอจะซื้อ…”

คุณลุงถอนหายใจ ลูบหัวน้องชาย : “เด็กดี ลุงให้ปลาหนูสองตัว เอากลับไปทำอาหารกินนะ”

พูดจบ คุณลุงก็หยิบปลาออกมาจากในตู้สองตัว ใส่ถุงส่งให้โคจิ ตอนแรกโคจิไม่กล้ารับ แต่น้องชายก็งอแงว่าอยากกินปลา เธอสงสารน้อง ก็เลยรับถุงมาก แล้วยกมือไหว้คุณลุง คุณลุงก็โบกมือให้

พอกลับถึงบ้าน พ่อก็กลับมาแล้ว เห็นโคจิซื้อปลากลับมาก็ดีใจมาก สองพ่อลูกช่วยกันทำปลา แล้วอยู่ดีๆก็มีเสียงกริ๊ง มีบางอย่างตกออกลงมาในกะลามัง พ่อเอามือลงไปจับดูก็พบแหวนวงหนึ่ง เขามองดูอย่างละเอียดแล้วพูดอย่างดีใจ : “เด็กๆ พวกหนูไปซื้อปลามาจากไหน หนูดูสินี่มันเพชรนี่นา น่าจะหลายสตางค์ พวกเรามีเงินไปรักษาแม่แล้ว!”

โคจิได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้า แล้วเล่าเรื่องที่วันนี้ลุงขายปลาให้ปลาเธอเล่าให้พ่อฟังอีกรอบ บอกพ่อว่า : “พ่อคะ นี่ต้องเป็นแหวนของคุณลุงแน่ๆ พวกเราเก็บไว้ไม่ได้หรอก ต้องเอาไปคืน”

เมื่อเห็นลูกสาวเป็นเด็กดี พ่อก็ยิ้มด้วยความพอใจ : “ลูกรัก หนูพูดถูกแล้ว ไม่ใช่ของของเราอย่าไปเอา ไป! หนูเอาแหวนไปคืน พ่อทำอาหารต่อเอง”

โคจิรับแหวนมา รีบวิ่งไปที่แผงของคุณลุง แล้วเอาแหวนคืนให้เขา คุณลุงดีใจมาก บอกว่า : “โชคดีจัง เมื่อกี้เมียลุงหาอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็อยู่ในปากปลานี่เอง ขอบใจหนูมากนะ!”

โคจิบอกว่าไม่เป็นไร แล้วก็พูดประโยคที่พ่อบอกกับเธอเมื่อกี้อีกครั้ง คุณลุงฟังแล้วก็ใบหน้าเคร่งขรึมขึ้น เขาจ้องหน้าโคจิแล้วว่า : “พาลุงไปที่บ้านหน่อยไป” พอมาถึงบ้านโคจิ เห็นรอบๆบ้านแล้วนึกถึงที่พ่อของโคจิสอนลูก คุณลุงก็น้ำตาซึม บอกว่า : “แหวนวงนี้เป็นแหวนแต่งงานของผมกับภรรยา ไม่ต้องไปพูดถึงราคาของมัน เพราะสำหรับพวกเราแล้วมันเป็นของที่ระลึก แต่พวกคุณกลับไม่มีความคิดจะเก็บมันไว้เองเลย ผมนับถือมาก เพื่อแสดงความมีน้ำใจ ผมยินดีมอบเงินให้พวกคุณ 1 แสน”

เมื่อเห็นว่าโคจิและพ่อจะปฏิเสธ คุณลุงก็อธิบายต่อว่า : “ผมกำลังจะขยายร้าน โคจิเป็นเด็กดีซื่อสัตย์ ผมดูออก รอให้แกโตอีกหน่อยแล้วมาทำงานที่ร้าน เงินแสนนึงนี่ถือซะว่าผมให้เงินเดือนล่วงหน้า ผมอยากช่วยพวกคุณตอนที่กำลังลำบาก อยากช่วยชีวิตแม่ของโคจิไว้”

ฟังจบ ทั้งพ่อทั้งลูกก็น้ำตาคลอ ยกมือไหว้คุณลุงขายปลา แล้วพูดขอบคุณไม่หยุด ตอนนั้นเองน้องชายก็ตะโกนขึ้นมาว่า : “ผมหิวแล้ว ผมอยากกินข้าว!” เท่านั้นแหล่ะ ทุกคนก็ต้องหัวเราะออกมา…

ขอขอบคุณ : liekr

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่