แจ็ค หม่า สอนน้อง ‘เมื่อใดก็ตามที่ธุรกิจนั้นกำลังฮิต นั่นแสดงว่าตลาดใกล้จะวายแล้ว’
แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้ง อาลีบาบา อาณาจักรอีคอมเมิร์ซล้านล้านบาท ให้คำแนะนำกับบริษัทสตาร์ทอัพว่า ‘ถ้าเห็นอะไรที่กำลังฮิต และคนกำลังสนใจแห่กันไปทำ ก็ให้ลืมมันไปซะ อย่าไปทำตาม — เพราะเมื่อถึงเวลานั้น ทุกคนก็จะทำเหมือน ๆ กัน ซึ่งมันก็สายเกินไปแล้ว’ แจ็ค หม่า กล่าวในขณะร่วมการประชุมในงาน Jump starter 2017 ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าฮ่องกง เมื่อเดือนที่ผ่านมา
ในมุมมองนี้ หมายถึง หากคุณมองเห็นโอกาสทางธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้พิจารณาว่า ธุรกิจนั้น เริ่มต้นง่ายหรือยาก ตลาดอิ่มตัวหรือยัง ซึ่งแน่นอนว่า กว่าที่คุณจะได้ข่าวว่ามันทำกำไรได้ดี ก็แปลว่ามีคนทำกำไรมหาศาลจากธุรกิจนั้นไปแล้ว ซึ่งก็จะเป็นอย่างที่ แจ็ค หม่า บอก ว่า “มันสายไปแล้ว”
สามารถขยายความเรื่องนี้ให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นได้ เช่น หากวันหนึ่งมีข่าวว่าตอนนี้กุ้งก้ามกรามราคาดีมาก ราคาต่อกิโลขายได้กำไร หยิบเงินแสนเงินล้านได้ภายใน 1-2 เดือน และคุณก็เห็นว่ามีหนังสือสอนเลี้ยงกุ้งออกมาเต็มแผงหนังสือ คนมากมายแห่กันเลี้ยงกุ้ง ณ จุดนี้เองเป็นจุดที่ แจ็ค หม่า บอกว่า ให้ลืมมันซะ อย่าไปทำตาม เพราะคนที่ทำกำไร ได้กำไรไปแล้ว และหลังจากนี้กุ้งจะล้นตลาด และราคาจะเริ่มตก และสุดท้ายจะกลับเข้าสู่วงจรของความล่มสลาย มือใหม่ขาจรเกือบทุกคนที่ตามแห่กันเข้ามาจะเลิกเลี้ยง และจะส่งผลให้กุ้งขาดตลาดอีกครั้ง และคนที่เข้าถูกจังหวะเท่านั้นจะเป็นผู้ที่สามารถทำกำไรได้
แจ็ค หม่า ได้เข้าร่วมเวทีกับผู้บริหารระดับสูงของเกาะฮ่องกง Carrie Lam และจะมอบเงินรางวัล $1 ล้านดอลลาร์ ให้กับผู้ชนะการประกวดโครงการสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นโครงการด้านการแพทย์ เกษตร และพลังงาน
แจ็ค หม่า สนับสนุนให้เหล่าสตาร์ทอัพทำตามความฝันของตัวเอง
คำแนะนำที่ 1 คือคุณควรมองโลกในแง่ดี
ผู้ประกอบการควรมองโลกในแง่ดีสำหรับอนาคต และคุณควรตอบให้ได้ว่าปัญหาอะไรที่คุณจะแก้ไข, คุณมีวิธีแก้ไขที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างไร, แล้วทำไมคุณถึงดีกว่าคนอื่น“
คำแนะนำที่ 2 คือ คุณต้องหากลุ่มคนที่สามารถทำงานร่วมกันได้
คนที่มีความทะเยอทะยานเช่นเดียวกัน คนเหล่านี้จะเข้าร่วมกับคุณเพราะมีความต้องการอย่างเดียวกัน และเพราะเชื่อมั่นในตัวคุณและเชื่อมั่นในธุรกิจ”
คำแนะนำที่ 3 คือ คุณมีความพยายามมากแค่ไหน
คือจะยอมแลกด้วยอะไรบ้าง คุณต้องไม่ถามว่า “ฉันจะได้อะไร” แต่คุณต้องถามว่า “ฉันจะให้อะไรกับใครได้บ้าง” ถ้าคุณมีแค่ไอเดียที่ดี คุณอาจจะต้องรอถึง 10 ปี แต่ถ้าคุณอยากสำเร็จภายใน 3 ปี ให้เผื่อเวลาไว้ซัก 5 ปี
แจ็ค หม่า พูดถึงตอนที่เขาก่อตั้ง อาลีบาบา เมื่อ 18 ปี ก่อน ว่าตอนที่เขาเข้าไปขอระดมทุนกับนักลงทุนนั้น ทุกรายต่างพากันปฏิเสธเขาทั้งหมด
“เงินก้อนแรกที่เราได้มาจากการระดมทุนคือ $50,000 ดอลลาร์ ผมคิดว่าเราน่าจะใช้ดำเนินกิจการไปได้ 10 เดือน เราแทบจะนับเงินทุกสตางค์ที่เราใช้จ่ายออกไปเลยทีเดียว แต่ก็ปรากฏว่าเงินหมดภายใน 4 เดือน ตอนนั้นเราแทบล้มละลาย”
เขายังกล่าวเตือนเหล่าสตาร์ทอัพว่าให้อดทน
“ถ้าวันนี้คุณเป็นรถแทรคเตอร์ อย่าเอาเครื่องยนต์โบอิ้ง 747 ไปขับเคลื่อนรถ มันจะทำลายตัวคุณเอง คุณควรเลือกคนให้เหมาะกับบริษัท ผมเคยจ้างพวกรองประธานบริษัทใหญ่ ๆ มากมายหลายคน พวกเขาเกือบจะทำลายบริษัทของผม ในขณะที่ผมมีเงินเพียง 5 ล้านดอลลาร์ แต่พอเขาเข้ามาแล้วเสนอแผนการตลาด 12 ล้านดอลลาร์ ผมถามว่า คุณจะเอาเงิน 12 ล้านดอลลาร์มาจากไหน เขาตอบว่า ผมไม่เคยวางแผนที่ต้องใช้เงินต่ำกว่า 20 ล้านเลย”
“จงเลือกคนให้เป็น” แจ็ค หม่า กล่าว
นอกจากนี้ แจ็ค หม่า ยังร่วมหารือ และ เสนอแนะต่อ Carrie Lam ว่า หากรัฐบาลฮ่องกงไม่สามารถลงทุนในสตาร์ทอัพได้ ก็ควรให้การสนับสนุนโดยการลดหย่อนภาษี หรืองดเว้นภาษีไปเลย เพื่อสนับสนุนให้เกิดธุรกิจอย่างรวดเร็ว
แจ็ค หม่า กล่าวว่า ฮ่องกงแม้จะไม่ใช่เมืองขนาดใหญ่ แต่ก็เป็นเมืองที่เปิดกว้าง และจะเป็นฐานที่ดีให้กับ สตาร์ทอัพ ซึ่งฮ่องกงก็ควรเปิดต้อนรับคนจากทั่วโลกที่ต้องการเข้ามาลงทุนทำธุรกิจด้วย โดย Carrie Lam ก็เห็นด้วย และกล่าวว่าฮ่องกงจะทบทวน นโยบายคนเข้าเมืองเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวต่างชาติและจากแผ่นดินใหญ่เดินทางเข้าสู่ฮ่องกงได้สะดวกขึ้น
ขอขอบคุณ : ceoblog