กินทุกวันไม่เคยรู้ “หลังกินข้าวเสร็จ” ห้ามกินสิ่งนี้ “ใกล้ตัวมาก” ขนาดหมอยังออกมาเตือน
ตามรายงานที่โพสต์บนอินเทอร์เน็ต เรื่องราวเกิดขึ้นในไต้หวัน เมื่อนักธุรกิจวัย 50 กว่าชาวเกาสง เดินทางไปคุยธุรกิจที่เมืองไทเป แล้วเกิดอาการหัวใจวายกระทันหัน ถูกนำส่งโรงพยาบาลโดยเร่งด่วนแต่ก็ไม่ทันการ
ร่างกายแข็งแรงดีมาโดยตลอด ทำให้เขาทำงานหนักทั้งกลางวันกลางคืน โดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองป่วยเป็นโรคหัวใจ การจากไปของเขาทิ้งความโศกเศร้าไว้อย่างมากมาย แม้แต่คุณหมอที่พยายามช่วยชีวิตเขาก็ยังรับรู้ได้
นี่คือความคลาสสิคของโรคหัวใจ มาแบบไม่เตือน และพรากชีวิตไปอย่างไปบอกกล่าว จะเรียกว่า นักฆ่าที่มองไม่เห็น ก็คงไม่ผิด วิธีการของนักฆ่าที่มองไม่เห็นเฉียบคมมาก ไม่มีอาการ ผู้ป่วยไม่รู้ว่าควรปรับเปลี่ยรวิถีชีวิตของตัวเอง เข้ารับการรักษา หรือป้องกันใดๆ ปรากฎตัวครั้งแรกก็ทำให้ผู้ป่วยอาการโคม่า หรือเสียชีวิตทันที
ก่อนอื่นเลย เรามาดูกันว่า หัวใจกลัวอะไร? กลัวของเย็น! บางคนเคยชินว่าเวลากินข้าวหรือหลังกินข้าวต้องดื่มน้ำเย็น ทำให้สบาย ถ้าใครมีนิสัยแบบนี้ มาอ่านคำแนะนำกันเลย
เครื่องดื่มเย็นๆ จะทำให้น้ำมัน ไขมันในอาหารที่คุณเพิ่งรับประทานเข้าไปจับตัวเป็นก้อน ทำให้ การย่อยอาหารในระบบทางเดินอาหารชะลอตัวลง เมื่อก้อนไขมันเหล่านี้สัมผัสโดนน้ำย่อยในกระเพราะอาหาร มันก็จะถูกย่อยและโดนดูดซึมในลำไส้ ให้เข้าไปเกาะติดบนผนังลำไส้ ผ่านไปไม่นานก็จะกลายเป็นไขมัน และก่อให้เกิดมะเร็ง เพราะงั้นดีที่สุดหลังรับประทานอาหารควรกินน้ำซุปหรือดื่มน้ำอุ่นๆสักแก้ว
สัญญาณของโรคหัวใจวายที่คุณต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ: ผู้ป่วยโรคหัวใจไม่จำเป็นต้องปวดร่างกายซีกซ้ายเสมอไป คุณควรให้ความสำคัญกับอาการปวดคอ เวลาโรคหัวใจกำเริบไม่จำเป็นต้องเจ็บหน้าอก อาการคลื่นไส้และเหงื่อออกอย่างมากเป็นอาการที่เกิดขึ้นเวลาโรคหัวใจกำเริบที่พบบ่อย 60% ของโรคหัวใจวายเกิดขึ้นขณะนอนหลับ ทำให้ผู้ป่วยไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาอีกเลย
อาการของโรคหัวใจวาย
1. รู้สึกเจ็บปวดแน่นหน้าอกติดต่อกันเกิน 15 นาที
2. ความเจ็บปวดแผ่ขยายไปที่ไหล่ คอและแขน
3. รู้สึกไม่สบายในหน้าอก ในขณะเดียวกันก็มีอาการปวดหัวเล็กน้อย หมดสติชั่วคราว เหงื่อออกเย็น คลื่นไส้ หายใจถี่
การปรากฏตัวของสัญญาณผิดปรกติ
1. ปวดหน้าอกแบบไม่ปกติ ปวดท้อง
2. คลื่นไส้ หรือเวียนศีรษะ
3. เกิดความวิตกกังวล ความเมื่อยล้าโดยไม่รู้สาเหตุ
4. ใจสั่น เหงื่อออกเย็น หรือหน้าซีด
คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจท่านหนึ่งบอกว่า ถ้าทุกคนที่อ่านบทความนี้ส่งต่อไปให้เพื่อนอีก 10 คน จะสามารถช่วยชีวิตคนไว้ได้อย่างน้อย 1 คน
ขอขอบคุณ : liekr