ไม่ได้ขู่แต่เอาจริง!! ‘ผู้มีรายได้น้อย’ถูกยึดเงินคืนแน่! ถ้าเบี้ยวอบรมฝึกอาชีพ
เริ่มกันไปแล้วกับ “มาตรการดูแลคนจนก๊อก 2” ของรัฐบาลท็อปบูท ที่เน้นนักเน้นหนาให้คนที่รับ “บัตรคนจน” ไปแล้วมาลงทะเบียน มาแจ้งความประสงค์ เพื่อฝึกอบรมอาชีพเพิ่มเติม
นัยทั้งหมด…ก็เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อย ให้คนจนเหล่านี้ มีโอกาส มีหนทาง มีช่องทางที่จะเพิ่มศักยภาพของตัวเอง ให้มีที่ยืนบนสังคม โดยไม่ต้องงอมื้อ…งอเท้า…รอรับความช่วยเหลือจากใครอีก โดยเฉพาะความช่วยเหลือจากรัฐ
ก็แหม!! อย่าลืมนะว่า “มาตรการช่วยเหลือคนจน” ที่ออกมาในแต่ละครั้งในแต่ละมาตรการน่ะ ต้องใช้เงินงบประมาณจากรัฐแต่ละปีก็เป็นเงินหลายหมื่นล้านบาททีเดียวนะ แล้วงบประมาณเหล่านี้น่ะก็คือ “เงินภาษี” ของคนไทยทั้งประเทศ
แม้ว่าในความเป็นจริง “คนจน” หรือ “คนมีรายได้น้อย” จะมีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย เอาแค่…ที่มาลงทะเบียนรับ “บัตรคนจน” เนี่ย…ก็ปาไปกว่า 11.4 ล้านคนเข้าไปแล้ว แล้วก็ยังมีคนที่ยังไม่มาลงทะเบียนอีกจำนวนไม่น้อยทีเดียว
ทั้งนี้ตามข้อมูลของ สภาพัฒน์ ระบุว่า…คนเกือบจน ทั้งกลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้ใช้แรงงาน รวมไปถึงบรรดาเอสเอ็มอีรายเล็กๆ รายย่อยๆ ซึ่งเป็นกลุ่มฐานราก มีมากถึง 29 ล้านคน หรือประมาณ 40% ของคนไทยทั้งประเทศ หากรัฐต้องจัดงบประมาณมาช่วยเหลือกันทุกปี นั่นเท่ากับว่า…
ต้องนำเงินของผู้เสียภาษีมาอุ้มชูผู้มีรายได้น้อยทุกปี…ทุกปี เช่นกัน แทนที่จะนำเงินไปลงทุน หรือพัฒนาอย่างอื่นเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าหรือขยายตัวมากขึ้น เป็นการเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศไปไม่น้อยเช่นกัน
แต่!! ด้วยหน้าที่ของผู้บริหารประเทศ ที่ต้องทำให้คนไทยอยู่ดี กินดี มีความสุข มีความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน จึงต้องหาวิธี หากลยุทธ์เข้ามาดูแลคนเหล่านี้ให้ยืนหยัดอยู่บนสังคมให้ได้ แม้ในอีกทางก็เพื่อให้เก้าอี้ของรัฐบาลมีความมั่นคงควบคู่ไปด้วยก็ตามทีเถอะ
เอาเป็นว่า… “วิน-วิน” ด้วยกันทั้งหมดนั่นแหล่ะ แต่การจะปล่อยให้มีสภาพต่อไปเช่นนี้ทุกปี ก็ไม่ใช่เรื่อง!! อีกเช่นกัน ดังนั้นมาตรการในการพัฒนาคุณภาพชีวิต จึงต้องมีออกมาเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมด
ในเมื่อ “ผู้มีรายได้น้อย” ได้รับความช่วยเหลือกันไปบ้างแล้ว ในการลดภาระค่าใช้จ่ายจากการได้รับบัตรสวัสดิการคนจน ที่ได้รับเงินช่วยเหลือโดยเฉพาะในเรื่องของการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เดือนละ 200 บาท 300 บาท ในมาตรการ เฟสแรก ก็สามารถบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันกันไปได้บ้าง
ส่วนในมาตรการ เฟส 2 ที่ออกมาแล้วเริ่มกันมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา “ผู้มีรายได้น้อย” ที่ลงทะเบียนไว้แล้ว ก็จะได้รับเงินในบัตรคนจนเพิ่มกันอีกคนละ 100 -200 บาท แต่มีข้อแม้ว่าต้องมาฝึกอบรม มาพัฒนาอาชีพกันเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งรัฐบาลจะโอนเงินให้เพิ่มในเดือน มี.ค.นี้
แต่ถ้าไม่มาอบรมตามเงื่อนไข ตามข้อตกลง ก็จะถูกระงับการจ่ายเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้ แถมยังต้องนำมาคืนรัฐ โดยจะใช้วิธีการหักเงินที่จะโอนในบัตรคนจนตามสิทธิเดิมในครั้งต่อไป เรียกว่าถ้าต้องการได้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก ก็ต้องพัฒนาตัวเองควบคู่กันไปด้วย
เรื่องนี้…กระทรวงการคลัง ออกมาประกาศชัดเจนไว้เลยค่ะว่า…หากใครไม่ทำตามเงื่อนไขไม่ทำตามข้อตกลง ยึดเงินคืนแน่ๆ แต่เป็นเงินในบัตรในส่วนที่ให้เพิ่มเติมเท่านั้น ส่วนเงินเดิมที่เคยได้กันมาเดือนละ 200 บาท สำหรับคนที่มีรายได้มากกว่าปีละ 30,000 บาท ขณะที่คนที่มีรายได้ต่ำกว่าปีละ 30,000 บาท ก็ได้คนละ 300 บาท แต่หากยอมฝึกอบรมอาชีพ ก็จะได้เพิ่มเป็น 300 บาท และ 500 บาท ตามลำดับ
สำหรับวิธีการของ “มาตรการช่วยคนจนก๊อก 2” ครั้งนี้ เมื่อผู้ที่ได้รับคนจนไปลงทะเบียนหรือแจ้งความประสงค์ตามหน่วยงานต่างๆ ที่จัดไว้ให้ ทั้งสำนักเขต จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน รวมไปถึงสาขาของธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ แล้วภาครัฐจะส่ง “เอโอ” หรือหมอประชารัฐสุขใจ อีกกว่า 4,000 คน เข้าไปเคาะประตูบ้านสอบถามความต้องการกันถึงที่ทีเดียว
โดย “เอโอ” หรือหมอประชารัฐสุขใจเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นบรรดาอดีตพนักงานธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ที่ต่างคุ้นเคยกับลูกค้าอยู่แล้วนั่นแหล่ะ ไปเป็นผู้สอบถามความต้องการของผู้มีรายได้น้อยว่าต้องการฝึกอาชีพอะไร แล้วก็จะเป็นผู้จัดการ จัดกระบวนการฝึกอบรมให้
ส่วนอาชีพที่รัฐเตรียมไว้ให้เบื้องต้นก็มีประมาณ 597 อาชีพ ก็แล้วแต่ว่าใครต้องการมีอาชีพอะไร ต้องการฝึกอะไร เอาตามใจปรารถนากันเลยทีเดียว “เอโอ” จะคอยแนะนำให้ รวมไปถึงการหางานให้ทำ ที่มีมากกว่า 1 แสนอัตราทีเดียวทั้งในและต่างประเทศ
ไม่เพียงเท่านี้…ยังมีคำแนะนำในการส่งเสริมให้ได้เรียนหนังสือ หรือแม้แต่การให้เงินกู้เพื่อขยับฐานะตัวเองขึ้นมาเป็นเจ้าของกิจการ หรือแม้แต่การเข้าไปช่วยหาที่ทำกิน ที่พักอาศัย หรือแม้แต่การประกันอุบัติรายย่อยให้อีกด้วย แต่ยังไงซะ!! ใช่ว่าสิ่งเหล่านี้รัฐจะช่วยได้ทั้งหมดทั้ง 11.4 ล้านคนหรอกนะ แต่ก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป อย่างน้อยก็รองรับได้สักประมาณ 4 ล้านคนในปีแรก
ทั้งหลายทั้งปวง…ก็อย่าลืมกันทีเดียวว่า…ถ้าไม่มา อบรมอาชีพ ก็ไม่ได้เงินเพิ่ม แถมเรียกเงินคืนอีกต่างหาก ก็เลือกเอาว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิต?
อ้างอิง : dailynews