ทุกวัยฟัง “เวลาตื่นนอน” ตื่นตอนไหนมันดียังไงดูกันชัดๆ
นอกจากจะกินอาหารให้ครบ ๕ หมู่ หมั่นออกกำลังกาย และนอนให้เพียงพอแล้ว การรู้เรื่องนาฬิกาชีวิตก็ช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้นะ
แม้เรื่องนาฬิกาชีวิตจะอยู่ใกล้ตัวเราเสียเหลือเกิน แต่หลายคนกลับมองข้ามเพียงเพราะไม่รู้ หรือไม่ใส่ใจให้ดีพอ เพราะเรื่องของนาฬิกาชีวิตนั้นเกี่ยวข้องกับสุขภาพล้วนๆ ทั้งกับการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น การผลิตไข่เพื่อมีประจำเดือน หรือการผลิตฮอร์โมนต่างๆ ไปจนถึงการผลิตเซลล์ใหม่ๆ
เรื่องนี้นักร้องชื่อดังอย่าง ไคลี่ มิน๊อก รู้ดีและเริ่มรู้สึกเสียใจที่ตัวเองไม่ยอมแต่งงานให้เร็วกว่านี้ เพราะหลังวัย ๓๕ การตกไข่และตั้งครรภ์นั้นถือเป็นเรื่องยากมาก ซึ่งเธอมีความคิดว่าการได้เป็นแม่คนถือเป็นสิ่งที่วิเศษสุดที่เธอควรจะทำ แต่อย่างไรก็ดีความคิดนี้อาจถูกแย้งโดย คาเมรอน ดิเอช เพราะถึงแม้เธอจะเข้าสู่วัย ๓๖ เธอก็ยังไม่เดือดเนื้อร้อนใจที่จะมีลูก แม้ใครๆ จะถามไถ่เธอว่าวัยของเธอนั้นอาจจะตกไข่และมีลูกได้ยากกว่าสาวรุ่นๆ ก็ตาม
แล้วอะไรล่ะ…คือนาฬิกาชีวิต ถ้าถามแพทย์ตะวันออก นาฬิกาชีวิตคือช่วงเวลากลางวันและกลางคืนที่มีความสัมพันธ์กับสุขภาพของเราอย่างแยกไม่ออก โดยภายในหนึ่งวันนั้นร่างกายของเราจะมีการไหลเวียนของพลังชีวิต (พลังลมปราณ) ที่ผ่านแต่ละอวัยวะภายในร่างกายโดยใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม หรือ ๒ ชั่วโมง รวมทั้งหมด ๑๒ ช่วง หรือ ๒๔ ชั่วโมง เรียกว่า “นาฬิกาชีวิต” โดยอวัยวะที่พลังชีวิตไหลผ่านนั้นจะมีทั้งอวัยวะตัน คือ ตับ ไต หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด และอวัยวะกลวงคือ กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ สำไส้เล็ก ถุงน้ำดี ระบบความร้อนของร่างกาย ซึ่งในทางตะวันตกเขามีศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องนี้โดยเฉพาะเรียกว่า Chronobiology ศาสตร์นี้จะศึกษาถึงวงจรการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายทั้งกลางวันและกลางคืน หรือหนึ่งวันเต็มๆ ซึ่งบางอวัยวะทำงานได้ดีในเวลากลางวัน และบางอวัยวะทำงานได้ดีในเวลากลางคืน
แล้วเวลาไหน…อวัยวะอะไรทำงาน
นอนเวลาไหนดีสุดต้องมาเช็คเลยค่ะ
๐๑.๐๐ – ๐๓.๐๐ น. เราควรนอนหลับพักผ่อนให้สนิท เพราะช่วงนี้เป็นการทำงาน “ตับ” ซึ่งถ้าหลับสนิท ตับจะหลั่งสารมีราโทนินเพื่อฆ่าเชื้อโรคในร่างกาย แต่ถ้าใครไม่ยอมนอน แถมยังใช้ร่างกายหนักๆ ด้วยการกิน ตับจะต้องทำงานหนักด้วยการหลั่งน้ำย่อยออกมา โดยไม่ได้ทำหน้าที่ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ส่งผลให้สารพิษตกค้างในตับมาก
๐๓.๐๐ – ๐๕.๐๐ น. คนที่อยากผิวสวย หน้าใสควรตื่นนอนเวลานี้เพื่อมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เพราะช่วงนี้เป็นเวลาทำงานของ “ปอด”
๐๕.๐๐ – ๐๗.๐๐ น. ฝึกการขับถ่ายอุจจาระให้เป็นนิสัยในช่วงนี้ เพราะเป็นเวลาการทำงานของ “ลำไส้ใหญ่” ถ้าใครถ่ายไม่ออกลองดื่มน้ำต้นอุ่นๆ สัก ๑ – ๒ แก้วดูนะคะ
๐๗.๐๐ – ๐๙.๐๐ น. นอกจากจะตื่นเช้ามาสูดอากาศและขับถ่ายให้เป็นเวลาแล้ว เราควรกินอาหารมื้อเช้าในช่วงเวลานี้เพื่อให้ร่างกายมีพลังงาน และช่วยให้ “กระเพาะอาหาร” แข็งแรง
๐๙.๐๐ – ๑๑.๐๐ น. ช่วงเวลานี้ “ม้าม” จะทำงานได้ดีซึ่งหน้าที่ของม้ามคือควบคุมไขมัน สร้างน้ำเหลืองและควบคุมเม็ดเลือด ใครที่มานอนเอาช่วงนี้ม้านจะอ่อนแอได้นะคะ
๑๑.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. ใครไม่อยากหัวใจวายในช่วงนี้กรุณาหากิจกรรมที่ไม่เครียด ไม่ตื่นเต้นตกใจง่ายมาทำ เพราะเป็นช่วงที่ “หัวใจ” ต้องทำงานหนักถ้าใครทำงานเครียดๆ ลองผ่อนคลายอารมณ์ลง แล้วหันไปทำงานที่ไม่ต้องใช้หัวคิดให้มากนัก
บ่ายแล้ว…ควรดูแลนาฬิกาชีวิต อย่างไรดี
๑๓.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. เวลานี้ควรละเว้นไม่กินอาหารทุกชนิด เพื่อให้ “ลำไส้เล็ก” ทำงานได้เต็มที่ ปกติแล้วลำไส้เล็กทำหน้าที่ดูดซึมอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด เช่น วินามินบี ซี โปรตีน ซึ่งทำหน้าที่สร้างกรดอะมิโน สร้างเซลล์สมอง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
๑๕.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. ถ้าบังเอิญวันไหนเลิกงานไวๆ เราสามารถเข้าฟิตเนส หรือไม่ก็ไปอบตัว หรือจะไปออกกำลังกายกลางแจ้งเพื่อให้เหงื่อออก เพราะเป็น เวลาการทำงานของ “กระเพาะปัสสาวะ” ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำ ธัยรอยด์ และระบบอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งหมด
๑๗.๐๐ – ๑๙.๐๐ น. ใครชอบนั่งสัปหงกในเวลานี้อาจจะเป็นไปได้ว่า “ไต” ทำงานไม่ดี เพราะช่วงนี้ เป็นเวลาของไต ซึ่งคนทำงานควรทำจิตใจให้แจ่มใสอย่าเครียด คนที่เป็นโรคไตจะเป็นหวัดง่าย แถมยังปวดหลัง มีเสลดในคอ สมองเสื่อม ฯลฯ ฉะนั้นควรหมั่นดูแลตัวเองด้วยการอาบน้ำเย็นในตอนเช้า และอาบน้ำอุ่นในตอนเย็น
๑๙.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ช่วงเวลานี้ไปกับการสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ เพราะเป็นเวลาของ “เยื่อหุ้มหัวใจ” คนไหนดูแลตัวเองไม่ดีในช่วงนี้มีสิทธิ์เสี่ยงเป็นโรคหัวใจโต หัวใจรั่ว ไม่ก็เป็นเส้นเลือดหัวใจตีบได้ ฉะนั้น ควรหลีกเลี่ยงการเจอกับเรื่องตื่นเต้น ตกใจ หรือดีใจสุดขีด
๒๑.๐๐ – ๒๓.๐๐ น. สาวทำงานที่เพิ่งกลับถึงบ้านในเวลานี้ อย่าเพิ่งกระโจนเข้าห้องน้ำอาบน้ำเพื่อผ่อนคลายในทันที เพราะเวลานี้ร่างกายต้องการความอบอุ่น ฉะนั้นไม่ควรอาบน้ำเย็น หรือไปยืนตากลมนอกบ้าน เพราะจะป่วยได้ง่ายมาก
๒๓.๐๐ – ๐๑.๐๐ น. ช่วงนี้เป็นเวลาของ “ถุงน้ำดี” ซึ่งทำหน้าที่เป็นถุงสำรองเก็บน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ ถ้าร่างกายขาดน้ำ อวัยวะในร่างกายจะไปดึงน้ำจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น ส่งผลให้เหงือกบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ หรือสะดุ้งตื่นกลางดึก
ขอขอบคุณ : The-Devil-lek
เรียบเรียงโดย : Postsod