แพทย์เตือน!! 6 น้ำตาลธรรมชาติ ยิ่งกิน ยิ่งป่วย ยิ่งอ้วน! มากเกินไปอาจถึงชีวิต

0

แพทย์เตือน!! 6 น้ำตาลธรรมชาติ ยิ่งกิน ยิ่งป่วย ยิ่งอ้วน! มากเกินไปอาจถึงชีวิต

1. น้ำหวานจากเกสรดอกไม้ ( Agave Nectar )

Agave nectar หรือน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติยอดฮิต มักนำมาใช้แทนน้ำตาลปกติเพราะมีค่าดัชนีน้ำตาล GI ( glycemic index ) ต่ำ

อย่างไรก็ตาม…น้ำหวานชนิดนี้มี ‘ ฟรุกโตส ‘ สูงมาก หากกินเยอะเกินไปจะเกิดภาวะดื้ออินซูลินในระยะยาว ทำให้ระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือดพุ่งสูงเรื้อรัง ไม่ลดต่ำเท่าภาวะปกติง่ายๆ ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อเนื่องอาจทำให้เกิดโรคได้

น้ำตาลปกติมีฟรุกโตส 50% แต่น้ำหวานจากเกสรดอกไม้มีมากถึง 70-90% เลยทีเดียว โดยรวมแล้ว กินน้ำตาลทรายขาวปกติยังปลอดภัยกว่า

2. น้ำตาลอ้อย ( แบบไม่ขัดสี / ออร์แกนิก )

” น้ำตาลอ้อย ” เป็นสารให้ความหวานธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งที่เรามักเห็นเป็นส่วนประกอบของ ‘ อาหารเพื่อสุขภาพ ‘ หลากหลายชนิด แม้จะเป็นแบบออร์แกนิกไม่ขัดสี แต่น้ำตาลก็คือน้ำตาลอยู่ดี

กระบวนการผลิตน้ำตาลอ้อยอาจต่างจากน้ำตาลปกติอยู่บ้าง แต่องค์ประกอบทางเคมีนั้นเหมือนกันเด๊ะ ที่สำคัญ ร่างกายก็แยกแยะความแตกต่างระหว่างน้ำตาลสองชนิดนี้ไม่ได้ด้วยสิ

ในระบบย่อย ร่างกายจะแยกน้ำตาลออกเป็นกลูโคสและฟรุกโตส ดังนั้นจึงส่งผลต่อระบบเผาผลาญเหมือนกันทุกอย่าง กินเยอะก็อ้วนได้เหมือนกันนั่นเอง

3. น้ำอ้อยระเหย ( Evaporated Cane Juice )

อาจจะไม่คุ้นชื่อนัก แต่น้ำตาลอ้อยระเหย ( evaporated cane juice ) มักเจอในส่วนประกอบของอาหารสำเร็จรูปทั้งหลายแหล่ ดูมีประโยชน์ต่อสุขภาพเพราะคำว่า ‘ น้ำอ้อย ‘ ใช่ไหมคะ แต่ที่จริงก็ไม่ต่างจากน้ำตาลปกติหรอกนะ

บริษัทผู้ผลิตอาหารต่างๆ ตั้งใจหลอกลูกค้าด้วยการใส่คำว่า ‘ ระเหย ‘ ( evaporated ) ทำให้เราคิดว่ามีนำตาลแค่นิดเดียว ทั้งที่จริงเป็นปริมาณมหาศาล เมื่อสารให้ความหวานชนิดนี้ไปถึงลำไส้และตับ ร่างกายก็แยกประเภทไม่ได้แล้ว รู้แค่ว่าเป็น ‘ น้ำตาล ‘ เท่านั้นเอง

4. น้ำตาลทรายแดงไม่ขัดสี ( brown sugar )

ในกระบวนการผลิต ‘ น้ำตาล ‘ จะมีน้ำตาลสองส่วน คือน้ำตาลปกติ ( สีขาว ) ที่ใช้ได้จริงและกากน้ำตาล ( สีน้ำตาล ) แยกออกมาเตรียมนำไปทิ้ง แต่บางครั้งเมื่อนำไปสกัดและเข้ากระบวนการทางโรงงาน อาจมีการผสมกากน้ำตาลเข้าไปเพิ่ม ทำให้น้ำตาลมีสีน้ำตาล เรียกว่า ‘ น้ำตาลทรายแดง ‘ นั่นเอง

กากน้ำตาลมีความเป็นน้ำตาล 50% และมีแร่ธาตุปนอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ถ้าพูดกันตรงๆ คือน้ำตาลทรายแดงคือ น้ำตาลปกติที่นำมาผสมกับกากน้ำตาลที่อันตรายน้อยกว่าเท่านั้น แต่ข้อดีคือ แร่ธาตุในกากนั้นไม่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพแต่อย่างใด

เพราะน้ำตาลชนิดนี้มีน้ำตาลทรายขาวปนอยู่ครึ่งต่อครึ่ง หากกินเยอะก็ส่งผลร้ายได้เช่นกัน ต้องควบคุมปริมาณในการกินให้ดี

5. น้ำตาลมะพร้าว

น้ำตาลมะพร้าวมีที่มาจากการลำเลียงของน้ำหวานในต้นมะพร้าว กระบวนการผลิตก็ง่ายๆ เป็นธรรมชาติ แค่สกัดน้ำหวานแล้วปล่อยให้น้ำมะพร้าวระเหยเป็นไอ มีส่วนประกอบของไฟเบอร์และแร่ธาตุ มีค่าดัชนีน้ำตาล ( GI ) ต่ำกว่าน้ำตาลปกติ

แต่เสียใจด้วย…น้ำตาลมะพร้าวมีฟรุกโตสสูงมาก โดยรวมแล้วประมาณ 35-40% น้อยกว่าน้ำตาลปกติแค่นิดหน่อยเท่านั้น แม้จะอันตรายน้อยกว่าน้ำตาลขาว แต่ก็อันตรายอยู่ดี อย่ากินเยอะดีที่สุด

6. น้ำผึ้ง

น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานที่สาวๆ ยอมรับมากที่สุด เพราะมาจากธรรมชาติ ( ผึ้งผลิตจากน้ำหวานเกสรดอกไม้ ) มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและแร่ธาตุ แต่อัตราส่วนของน้ำตาลก็ยังมีเยอะมากถึง 80% เลยล่ะ

งานวิจัยหลายแห่งเปรียบเทียบ ‘ น้ำผึ้ง ‘ กับ ‘ น้ำตาลปกติ ‘ และพบว่าน้ำผึ้งมีผลข้างเคียงต่อระบบเผาผลาญน้อยกว่า อันตรายน้อยกว่าคล้ายน้ำตาลมะพร้าวนั่นแหละ

ถ้าเธอสุขภาพปกติดี กินน้ำผึ้งในปริมาณที่เหมาะสมก็ไม่เกิดปัญหาอะไร เพราะมีประโยชน์กว่าน้ำตาลขาวและคอร์นไซรัปแน่นอน แต่ถ้ากินเยอะก็อ้วน ไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักแต่อย่างใด

ถึงแม้สารให้ความหวานจากธรรมชาติ 6 ชนิดนี้จะมีส่วนประกอบพื้นฐานจาก ‘ น้ำตาลขัดสี ‘ บางชนิดก็มีอันตรายน้อยกว่า มีประโยชน์กว่า แต่หากกินเยอะก็ทำให้เกิดโรค ส่งผลต่อความอ้วนและระบบเผาผลาญได้เช่นกัน

หากเธอสุขภาพปกติ กินขนมหวานบ้างในปริมาณที่เหมาะสม เป็นกำลังใจให้ชีวิตก็ไม่ผิดอะไร แต่อย่ากินเพลิน กินรัวๆ จนระดับน้ำตาลในเลือดสูงปรื๊ด นอกจากจะป่วยง่าย จะมีไขมันสะสมเป็นห่วงยางตามต้นแขน ต้นขา หน้าท้องด้วยน่ะสิ

จัดความสมดุลให้ชีวิตได้ แล้วสาวๆ ซิสต้าจะมีความสุขกับของหวานโดยไม่ต้องทรมาน

แพทย์เตือน!! 6 น้ำตาลธรรมชาติ ยิ่งกิน ยิ่งป่วย ยิ่งอ้วน! มากเกินไปอาจถึงชีวิต

อ้างอิง : 6 Healthy Sugars That Can Harm You

แปลโดย : sistacafe

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่