“หมอแสง” น้อยใจ หากขึ้นทะเบียนไม่ได้ “เลิกผลิต” ขายสูตรให้ฝรั่ง
นายแสงชัย หรือหมอแสง เจ้าของสูตรสมุนไพรบ่นน้อยใจ หากขอขึ้นทะเบียนไม่ได้จะเลิกผลิต อาจขายสูตรให้ฝรั่งตะวันตก รับที่ผ่านมามีติดต่อเข้ามาเยอะ แล้วให้ประชาชนคนไทยไปซื้อกินเอาเองในราคาแพง เม็ดละ 2-5 พันบาท ดีหรือไม่?
นายแสงชัย แหเลิศตระกูล เจ้าของสูตรสมุนไพร ยอมเปิดสูตรสมุนไพรกับทีมข่าวว่า ส่วนผสมของยาสมุนไพร ที่แก้โรคมะเร็งนั้น ประกอบด้วยวัตถุหลัก คือ รำข้าว 80% เป็นรำข้าวที่ร่อนเอาของไม่ดี เศษแกลบออก ส่วนอีก 20 % เป็นข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ เห็ดกระถินพิมาน เกสรพิลันกาสา สูตรจริง ๆ ก็มีแค่นี้ มีไม่เยอะ อยู่ที่การผสมผสาน ใช้รำข้าวเป็นวัตถุตั้งต้น ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ เห็ดกระถินพิมาน เกสรพิลันกาสา เราผสมแต่ละตัวก่อนจนกว่าจะครบ 6 เดือน ก็นำมาผสมในรำข้าว เคล้าให้เข้ากัน ปั่นให้เข้ากันให้ได้ แล้วนำมาอัดแคบซูล
“จริงๆ เราเริ่มมานานแล้ว เราขอยื่นเรื่องขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องหลายครั้งมีแต่ปัญหา ติดด้วยข้อระเบียบและกฎหมายหลายอย่าง คิดว่า ชักเริ่มน้อยใจหลายๆเรื่อง คิดว่า 3 เดือนนี้เราไม่เห็นรูปร่างเป็นรูปธรรมที่แน่นอนไม่ชัดเจน ผมก็คิดว่า ขายสูตรให้ฝรั่งตะวันตกไปเลยจะดีไหม เพราะเขาติดต่อมาเยอะ ประชาชนคนไทยก็ตามไปซื้อกับฝรั่งเอาแล้วกัน น้อยใจมันหลายปีมาแล้ว ไม่รู้จะโยกโย้กันไปทำไม”
“ก็เห็นว่าจะลงมาช่วย มาวิจัยร่วมกัน ก็ตั้งท่าคอยต้อนรับ ก็ไม่เห็นมาสักที ปัญหาเยอะ น้อยใจมากฝรั่งก็ติดต่อมาเยอะ คนไทยไม่ต้องกินแล้วของฟรี ไปตามซื้อกับฝรั่งแพงๆ เม็ดละ 2,000-5,000 บาท จากแพทย์ตะวันตกกิน ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินว่า จะให้ผมขายหรือให้หน่วยงานของรัฐมาทำให้ถูกต้อง ถ้าถึงวันที่ผมขายสูตรไป ประชาชนจะทำอย่างไร ถ้าขายให้ฝรั่งไปแล้วก็มีทางเดียว คือ ประชาชนต้องซื้อกิน ผมก็อยากขายสมุนไพรไทยให้ฝรั่งกินบ้าง ไม่ใช่ส่งออกแต่มวยไทย ส่งสมุนไพรบ้างสิ ส่งไปต่างประเทศ” หมอแสงกล่าว
นายวิชาญ ชำนาญกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า เรื่องขอขึ้นทะเบียน อย.สมุนไพรของนายแสงชัย นั้น พรรคพวกเคยให้ยื่นจดทะเบียน อย.แล้ว แต่ยื่นในนามหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ซึ่งมารู้ทีหลังว่า หน่วยราชการนั้นไม่มีชื่อนายแสงชัย เข้ามาเกี่ยวข้อง ผมก็เลยบอกว่า สิ่งที่นายแสงชัยทำอยู่ที่บ้านไม่ได้ผิดเสียทีเดียว แต่ถ้ายื่นให้ถูกต้องแล้วสถานที่ผลิตอยู่ที่อื่น นายแสงชัยมาผลิตอยู่ที่บ้านจะผิด 100 % ซึ่งตอนนั้นก็ได้ไปถอนเรื่องออกมาแล้ว นายแสงชัย ก็เลยให้ผมไปศึกษาเรื่องกฎหมายว่า ควรทำอย่างไรต่อไป ผมก็เลยไปศึกษาแนวทางการผลิตและดูหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 8 พ.ย.60 ซึ่งนายแพทย์ปราโมทย์ เสถียรรัฐ รองอธิบดีการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรณีนี้มีแนวทางปฏิบัติ 3 ทาง คือ
กรณีแรก ให้นายแสงชัย ผ่านการแประเมินเป็นหมอพื้นบ้าน ตอนนี้กำลังทำรายละเอียด กำลังรวบรวมคนที่มีค่ามะเร็ง คือ ค่าเลือดสูงเท่าไร หลังกินสมุนไพรไปแล้วกี่เดือนตามความเป็นจริงแล้วไปตรวจเลือดค่าเลือดลดลงเหลือเท่าไร ซึ่งตรวจจากสถาบันการแพทย์เป็นคนตรวจ จะรวบรวมเอกสารทั้งหมดไปขึ้นทะเบียนแพทย์แผนไทยให้นายแสงชัย
กรณีที่สอง นายแพทย์ปราโมทย์ บอกว่า การแจกต้องแจกในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่เปิดบริการ ผมถามว่า มีไหม ที่โรงพยาบาลหรือคลินิคที่ไหนแจกยาฟรีบ้าง เขาเอากฎหมายอะไรมาเขียนต้องทำอย่างนั้น
กรณีที่สาม ส่วนผสมสมุนไรที่แจกต้องขึ้นทะเบียน อย. อยากถามว่า นายแสงชัย ซึ่งทำงานรัฐวิสาหกิจส่วนตัวขึ้นทะเบียนได้ไหม ถ้าได้แนะนำมาว่า ต้องทำอย่างไรบ้าง ถ้าไม่ได้เรายื่นไปแล้วสูตรของเราจะถูกลอกเลียนแบบ หรือไม่ เพราะอยากทำให้ถูกต้อง อยู่ในตระกูลของนายแสงชัย ไม่ใช่ว่าหน่วยงานเอามาวิจัยพอนายแสงชัย ทำไม่ได้ หน่วยงานก็เอาภูมิปัญญาของนายแสงชัย ไปต่อยอด อย่างนี้เป็นธรรมต่อนายแสงชัย หรือไม่
ถ้าจะทำเป็นอาหารเสริม พืชต้องมีชื่อท้ายประกาศพระราชกฤษฎีกา แต่ของนายแสงชัยไม่มีพืชตามนั้น แต่มีพืชเป็นตัวยา อาหารเสริมก็เลยทำไม่ได้ แต่ยาแผนโบราณน่าจะทำได้ ถ้าได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยหรือแพทย์ทางเลือก ไม่ใช่พูดว่า ทำไม่ได้อย่างเดียว ทางที่ถูกทำอย่างไร ไม่มาพูด เพราะเราต้องการทำให้ถูกต้อง
ขั้นตอนต่อไปนี้ เมื่อเดือนที่แล้วเราได้คนไข้ที่มีค่าเลือดสูง กินสมุนไพรแล้วค่าเลือดต่ำ 22 ราย แล้วเดือนหน้าจะรวบรวมอีก เมื่อตรวจเอกสารแล้วก็จะแจกยาไปเลย คนป่วยเหล่านี้อยู่ในโครงการที่เราจะยื่นขอขึ้นทะเบียน อยู่ที่ว่ากรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก จะเอากี่ราย เราสามารถหามาให้ได้
ทางด้าน พ.ต.อ.ประสาน แก้วมหาสุริวงษ์ ผกก.สภ.เมืองปราจีนบุรี กล่าวว่า สำหรับการบริหารจัดการเรื่องการลงบันทึกประจำวัน ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้มาขอใช้สิทธิลงประจำวัน ประมาณ 4,500 ราย การบริหารจัดการที่ผ่านมา ช่วงตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค ถึงวันศุกร์ก่อนมีการรับสมุนไพร มีคนทยอยมาเรื่อย ๆ วันละ 10-20 คน สะสมขึ้นเรื่อยๆ เป็นหลักร้อยจนถึงวันเสาร์ ประมาณ 2,500 คน
สำหรับเดือนต่อไปต้องขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่จังหวัดปราจีนบุรี หรือจังหวัดใกล้เคียง ปริมณฑลหรือที่ผ่านมา ให้มาลงบันทึกประจำวันได้ ตั้งแต่วันที่ 11-30 พ.ย. 60 ส่วนวันที่ 1-2 ธ.ค. ขอให้เป็นผู้ป่วยและญาติที่เดินทางมาไกลๆ จากเหนือ ใต้ อีสาน ที่วางแผนว่า จะเดินทางมาถึง สภ. บ่ายๆ เย็น ๆ และสามารถลงบันทึกประจำวันได้
ส่วนการจัดระบบบริการ ในวันศุกร์-วันเสาร์ ที่มีคนมาเยอะ ก็จะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ 15 นาย มาตรวจเอกสารเป็นการคัดกรองในเบื้องต้น ถ้าเอกสารพร้อมก็ให้ลงบันทึกประจำวัน เอกสารที่ต้องใช้ในการลงบันทึกประจำวัน กรณีผู้ป่วยมารับเองใช้บัตรประชาชนตนเอง ส่วนผู้ป่วยมารับแทนต้องใช้บัตรประชาชนของผู้ป่วย และผู้มารับแทน สำหรับผู้ป่วยใหม่ ต้องมีใบรับรองแพทย์ว่า เป็นมะเร็ง ถ้าเอกสารไม่ครบต้องกลับไปเอามาให้ครบ หากปล่อยเข้าไปบ้านนายแสงชัย แล้ว เอกสารไม่ถูกต้องจะทำให้ล่าช้าและเสียโอกาสที่จะไม่ได้รับสมุนไพร
ด้านการจราจร เมื่อมีรถเข้ามามากก็ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องที่จอดและความปลอดภัยทาง สภ.ได้บริการให้จอดรถและพักผ่อน อยู่ที่ สภ.เมื่อถึงเวลาใกล้ลงทะเบียนถึงเดินทางเข้าไปที่บ้านนายแสงชัย สำหรับเดือนต่อไป เบื้องต้นได้ประสานผู้จัดการบริษัทขนส่งรถโดยสารขนาดเล็ก เพื่อจะรับคนที่พักและจอดรถในเขตเมือง ให้รถบริการรับส่งไปยังบ้านหมอแสงชัย
ที่มา: thairath