บรรเทาปวดไมเกรน ด้วยวิธีง่ายๆ ที่คุณก็ทำได้ด้วยวิธีแบบนี้
ขอบอกเลยว่า.. นี่เป็นสุดยอดโรคฮิตของคนในยุคปัจจุบันนี้ คงหนีอะไรไปไม่พ้น “อาการปวดหัวไมเกรน” ซึ่งด้วยสภาวะของอากาศในประเทศไทยที่แปรปรวณ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ สิ่งที่สำคัญนอกจากนี้ คือมีผู้ป่วยผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า เนื่องจากอาจมีปัจจัยเรื่องของฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่อาการเหล่านี้เราสามารถบรรเทาด้วยวิธีบำบัดง่ายๆ ได้
เมื่อมีอาการกำเริบจะทำให้หลอดเลือดภายในกะโหลกศีรษะหดตัว ในขณะที่หลอดเลือดภายนอกกะโหลดศีรษะ เช่น ที่ขมับพองตัว ส่งผลทำให้มีอาการปวดหัวตรงกลาง ตรงขมับ มึนงง เวียนศีรษะ หรือปวดหัวข้างใดข้างหนึ่ง ระยะเวลาปวดตั้งแต่ 4 – 72 ชั่วโมง ซึ่งไมเกรนเกิดจากสิ่งกระตุ้นต่างๆ
หากคุณมีอาการปวดหัวเหล่านี้ ตั้งข้อสังเกตไว้เลยว่าอาจจะเป็นอาการของ “ไมเกรน”
1. ปวดศีรษะข้างเดียว
2. ปวดตุ้บๆ เป็นจังหวะ
3. ปวดมากขึ้นเมื่อขยับร่างกาย
4. ปวดมากจนไม่เป็นอันทำอะไร
5. มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วยเป็นบางครั้ง
6. ทนแสงแดดจ้าหรือเสียงดังไม่ค่อยได้
ปัจจัยที่สามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิด “ไมเกรน”
1. ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ช่วงมีประจำเดือน ระหว่างตั้งครรภ์ ช่วงหมดประจำเดือน หรือการรับประทาน ยาเม็ดคุมกำเนิด
2. อาหารบางชนิด เช่น ชีส ไวน์แดง ช็อคโกแล็ต น้ำตาลเทียม ผงชูรส ชา และกาแฟ
3. การกระตุ้นทางประสาทสัมผัส อาทิ แสงจ้า เสียงดัง กลิ่นฉุน กลิ่นบุหรี่
4. รูปแบบการนอนที่เปลี่ยนไป เช่น นอนดึก นอนไม่พอ หรือนอนมากเกินไป
5. สิ่งแวดล้อม เช่น อากาศร้อน ฝุ่นควัน
6. ยาบางชนิด
นอกจากนี้ความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นการปวดไมเกรน เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราเครียดเราจะปวดหัวได้สองแบบ แบบแรก คือมึนๆ เหมือนมีอะไรมารัดศีรษะอยู่แน่นไปหมด อันนี้เป็นลักษณะการปวดหัวแบบเครียด แต่คนเป็นไมเกรนจะปวดหัวแบบไมเกรน หรือแบบผสม เช่น ปวดตุ้บๆ คลื่นไส้ อาเจียน”
บรรเทาปวดไมเกรน ด้วยวิธีง่ายๆ ที่คุณก็ทำได้คือ วิธีบำบัดที่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรน
1. อาหาร
คนที่ป่วยเป็นไมเกรนจะมีระบบย่อยและดูดซึมแมกนีเซียมไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นจึงควรกินอาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียมเพื่อช่วยบรรเทาอาการไมเกรน เช่น ผักใบเขียว ฟักทอง ถั่วเมล็ดแห้ง (ยกเว้นถั่วเปลือกแข็ง เพราะมีสารแทนนินที่ยิ่งเข้าไปกระตุ้นให้เกิดไมเกรน) หรือการดื่มน้ำชาสมุน เช่น
2. ชาสมุนไพร
นำรากบวบกลม หรือบวมเหลี่ยมสด หนัก 1 ขีด มาต้มน้ำใส่เกลือเล็กน้อย ดื่มเป็นน้ำชา
นำเหง้าขิงแก่มาต้มกับน้ำต้มจากต้นกะเพราแดง ดื่มแล้วสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้
ใช้ผล ต้น ใบ ดอก และรากของมะตูมนำมาต้มดื่ม ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ตาลายได้
3. น้ำมันหอมระเหย
ช่วยทำให้ระบบประสาทต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับสมดุลของอารมณ์ และจิตใจให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการบำบัดสามารถทำได้ทั้งนวด และประคบ โดยมีวิธีการ ดังนี้
การนวด
ผู้ป่วยที่เป็นไมเกรนควรมีน้ำมันหอมระเหยเปเปอร์มินต์ที่ช่วยทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า และลาเวนเดอร์ซึ่งช่วยให้คลายกังวล ลดความความเครียด และอาการซึมเศร้า ติดบ้านไว้เสมอ เมื่อมีอาการให้เทน้ำมันหอมระเหยทั้ง 2 ชนิด อย่างละ 1 หยด ผสมกับน้ำมันอัลมอนด์หอม 2 ช้อนชา นำมานวดที่บริเวณขมับและต้นคอเบาๆ เช่น การนวดกดจุด แนะนำควรนวดกดจุดใน 3 จุดนี้ เพราะสามารถช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้ มีวิธีการดังนี้
มือ กดตรงเนินเนื้อที่เชื่อมระหว่างหัวแม่มือและนิ้วชี้ในแนวตรงสู่กระดูกนิ้วหัวแม่มือ
คอด้านบน ให้กดย้อนขึ้นไปทางใต้กะโหลกศีรษะข้างๆ กระดูกคอ
เท้า กดที่เนินเนื้อที่เชื่อมต่อหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ กดไปทางฝ่าเท้า
การประคบ
ใช้น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์หรือมาร์จอแรม ประมาณ 2-3 หยด ผสมน้ำ นำผ้ามาจุ่มน้ำดังกล่าวแล้วบิดหมาดๆ ประคบบริเวณขมับและหน้าผากทุกวัน ซึ่งวิธีการประคบเพื่อช่วยบรรเทาอาการของไมเกรนมีด้วยกัน 2 วธี ดังคือ ประคบร้อนและเย็น มีวิธีการประคบ ดังนี้
วิธีที่ 1 ประคบเย็นที่หน้าผากหรือคอ ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ให้ประคบเย็นที่หน้าผาก และประคบร้อนที่ท้ายทอย ทำสลับกันทุกๆ 2 นาที ทำได้ถึง 6 รอบ
วิธีที่ 2 วางผ้าอุ่นที่ท้ายทอย จากนั้นนวดคอ ไหล่ และสะบัก ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นคลึงเบาๆ ที่ขมับ จากนั้นใช้ผ้าชุบ น้ำเย็นเช็ดหน้า สามารถช่วยลดอาการไมเกรนจากความเครียดได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : Healthlink , โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์