เทคนิค ต้ม “มะระ” อย่างไร? ไม่ให้ “ขม” แถมอร่อยน่าทานสุดๆ!

0

เทคนิค ต้ม “มะระ” อย่างไร? ไม่ให้ “ขม” แถมอร่อยน่าทานสุดๆ!

ถ้าให้นึกถึงผักที่มีรสชาติขม เราจะนึกถึง “มะระ” (Bitter Melon) เป็นอันดับต้นๆ แน่นอน รสชาติขมปร่าที่ลิ้นเวลากินทำให้หลายคนไม่ชอบผักชนิดนี้ เพียงแค่เห็นมะระในอาหารก็พานเข็ดขยาดไม่กล้าตักเข้าปากแล้ว แต่เรารู้หรือไม่ว่า ความขมของมะระผิวขรุขระนี้มีสรรพคุณทางยาและประโยชน์มากมายที่ดีต่อสุขภาพของเรา เมื่อได้รู้สรรพคุณของมะระอาจทำให้หลายคนมองข้ามความขมหันมาลิ้มลองรสชาติของมะระดูบ้าง แล้วจะรู้ว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” นั้นเป็นเช่นไร

ทำไมมะระต้องมีรสขม

มะระเป็นพืชล้มลุกชนิดไม้เถา ตระกูลเดียวกับ ฟัก แฟง แตงกวา ซึ่งรสชาติขมในมะระเกิดขึ้นเพราะมีสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่า Momodicine ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยกระตุ้นความรู้สึกให้อยากอาหาร เรียกน้ำย่อย และเป็นยาระบายอย่างอ่อนๆ การทานมะระที่มีรสขมจึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีปัญหาเรื่องท้องผูก รวมไปถึงบุคคลทั่วไปที่อยากมีร่างกายแข็งแรง

เคล็ดลับวิธีลดความขมของมะระ

1. เลือกมะระดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

เทคนิคที่ควรรู้

– เลือกมะระลูกอวบๆ รูปร่างตรงๆ ไม่งอ เพื่อจะได้หั่นเป็นชิ้นได้ง่าย

– เลือกมะระริ้วใหญ่และห่าง จับดูแล้วเนื้อต้องแข็ง

– ผิวออกสีเขียวอ่อนๆ ไม่ขาว ไม่เหลืองเกินไป ถ้ามะระเริ่มออกสีเหลืองส้มหรือเนื้อเริ่มนิ่ม แสดงว่า มะระเริ่มแก่แล้ว รสชาติจะขมมาก

2. ลดความขมด้วยเกลือ
หลังจากหั่นมะระเป็นชิ้นแล้ว ให้ใช้ช้อนขูดไส้และเมล็ดออก จากนั้นจึงนำมาคลุกกับเกลือ โดยมะระ 1 ลูก ให้ใช้เกลือประมาณ 2 ช้อน โรยให้ทั่วและคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้สัก 10 นาที จึงล้างออก นำไปลวกต่อในน้ำเดือดแล้วจึงนำไปปรุงตามขั้นตอนต่างๆ

3. ลวกด้วยน้ำเกลือ

วิธีนี้เหมาะสำหรับเมนูผัด เริ่มจากต้มน้ำให้เดือดแล้วเติมเกลือลงไป นำมะระที่ซอยแล้วลงไปลวก พอมะระเริ่มออกสีเขียวเข้ม ให้รีบตักขึ้นมาล้างในน้ำเย็นเลยทันที ยิ่งน้ำเย็นจัดเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะทำให้มะระกรอบและมีสีสวย จากนั้นจึงตักขึ้นสะเด็ดน้ำ แล้วนำไปผัดหรือทานสดๆเป็นเครื่องเคียงกับขนมจีนก็ได้

4. ขยำเกลือ

ถ้ามะระมีรสขมมากๆ ให้ใช้วิธีซอยบางๆ แล้วนำไปขยำกับเกลือจนเนื้อนุ่ม หรือนำไปแช่ในน้ำเกลือสักพัก ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาดสัก 2-3 น้ำ เพื่อให้มะระหายเค็ม จากนั้นก็นำไปปรุงอาหารต่อได้เลย

5. ต้มน้ำหลายครั้ง

ถ้าไม่อยากให้มะระขม ให้นำมะระไปต้มในน้ำเดือดและเปลี่ยนน้ำหลายๆ ยิ่งเปลี่ยนน้ำมากเท่าไหร่ ความขมจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆเท่านั้น แถมยังได้เนื้อมะระที่นุ่มเหมาะสำหรับการต้มหรือตุ๋นด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ควรต้มมะระหลายครั้งจนเกินไป เพราะจะทำให้มะระจืดจนเสียรสชาติไปหมด

6. ต้มโดยไม่ปิดฝาหม้อ

เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสขมของมะระติดปลายลิ้นเล็กน้อย หรือเหมาะกับเมนูมะระยัดไส้ โดยหลังจากปรุงรสน้ำซุปเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ต้มไปเรื่อยๆด้วยไฟอ่อนๆ และไม่ต้องปิดฝาหม้อ ยิ่งต้มนานเนื้อมะระก็จะยิ่งนุ่ม และมีรสชาตินุ่มนวลที่เหลือรสขมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ข้อควรระวัง 

1. ห้ามรับประทานมะระสุก เพราะอาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียนได้ เนื่องจากมีสารซาโปนินอยู่มาก ซึ่งสารนี้จะทำให้เป็นพิษต่อร่างกายได้

2. อย่าทานมะระมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ท้องเสีย เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาระบาย

ต่อจากนี้ไป การทำมะระทานครั้งต่อไปก็คงจะอร่อยขึ้นแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็น ต้มจืด แกงจืดมะระยัดไส้ มะระผัด ยำมะระสด หรือลวกจิ้มน้ำพริก กินกันแบบไม่ต้องกลัวขมเลย เพราะเคล็ดลับนี้ช่วยคุณได้แน่นอน…กินได้บ่อย อร่อยได้ประโยชน์สุดๆ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก kaijeaw

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่