หายแน่! 14 วิธีแก้ปวดหลัง ฉบับง่ายๆ ที่หลายๆคนคาดไม่ถึง อยากหายปวด ปรับเปลี่ยน แล้วทำตามนี้

0

หายแน่! 14 วิธีแก้ปวดหลัง ฉบับง่ายๆ ที่หลายๆคนคาดไม่ถึง อยากหายปวด ปรับเปลี่ยน แล้วทำตามนี้

หลายๆ คนปวดหลังจาการนั่งนานๆ ทำงานหนักๆ ตอนนี้ได้มีผลการสำรวจพบว่า คนทั่วไปถึง 80% ไม่ว่าจะช่วงอายุไหนก็ปวดหลังได้ มีตั้งแต่ปวดน้อยไปถึงปวดมาก มาหาวิธีแก้ปวดหลัง ฉบับทำเองได้ง่ายๆ กันดีกว่า ทำตามได้เลย

1. ไปเรียนโยคะ

อันที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทไหนที่เสริมความแข็งแกร่งให้ยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อลำตัวและกล้ามเนื้อส่วนหลัง ก็ช่วยลดอาการปวดหลัง จากการที่ได้ยืดกล้ามเนื้อได้ทั้งนั้น จากการศึกษาในแคนาดาค้นพบว่า ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง เมื่อได้เล่นโยคะหรือพิลาทีสติดต่อกันสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง ประมาณ 1 ปีขึ้นไป กล่าวว่ารู้สึกปวดหลังน้อยลงมาก ดีกว่าผู้ป่วยที่รักษาตัวตามแพทย์สั่งปกติ

2. กระเป๋าหนัก

ใช่แล้วล่ะ การสะพายกระเป๋าหนักๆ ไว้บนไหล่เป็นประจำ ทำให้กล้ามเนื้อหลังของคุณทำงานหนักมาก และเสียสมดุลได้ หากไม่ได้เลือกพกของน้อยลง ควรสะพายกระเป๋าใบเล็กลงหน่อย แบ่งสัมภาระไว้ในกระเป๋า 2 ใบ แล้วค่อยๆ หิ้วโดยใช้แขนทั้งสองข้างละกัน

3. ลงทุนซื้อพรม

รู้สึกสบายเท้าและหลังมากกว่าไหม? เมื่อคุณเหยียบลงบนพรม แทนที่จะเป็นพื้นกระเบื้องแข็งๆ เย็นๆ เพราะการยืนอยู่บนพื้นแข็งๆ เป็นเวลานานๆ จะทำให้แผ่นหลังส่วนล่างหรือก้นกบทำงานหนักและโดนกดทับได้ ดังนั้นปูพรมหนานุ่มให้บริเวณที่คุณมักยืนนานๆ อย่างหน้าอ่างล้างหน้าเพื่อความรู้สึกสบายขึ้นในทันทีจะดีกว่า

4. ประคบเย็นช่วยได้

ในช่วง 1-2 วันแรกหลังปวดหลัง ควรประคบด้วยถุงน้ำแข็ง ผ้าเย็นจัดๆ หรือถุงถั่วก็ได้ ทำวันละหลายๆ ครั้ง ครั้งละประมาณ 20 นาที การประคบ ณ จุดที่ปวดจะช่วยปิดเส้นเลือดที่บอบช้ำและลดการคั่งของเลือดในบริเวณนั้น จึงช่วยลดอาการบวมได้

5. เปลี่ยนเป็นประคบร้อน

หลังจาก 2 วันไปแล้ว ใช้แผ่นความร้อนหรือถุงน้ำร้อนประคบหลังบริเวณที่ปวดเป็นเวลา 20 นาที วันละหลายๆ ครั้งแทน เพราะความร้อนจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยเปิดให้ออกซิเจนเข้ามาช่วยเหลือตรงจุดที่ปวด แค่นี้ก็สบายหลังละ

6. ท่ากายบริหารส่วนหลัง

แทนที่จะเกลียดกลัวการก้มลงแตะนิ้วเท้าอย่างสุดๆ ลองเลือกท่าบริหารกล้ามเนื้อหลังและต้นขาด้านหลัง ด้วยการตั้งส้นเท้าข้างหนึ่งไว้บนเก้าอี้ จากนั้นโน้มตัวมาด้านหน้า เหยียดแขนให้สุดแล้ววางมือลงเหนือเท้าประมาณ 15 เซนติเมตร จนคุณรู้สึกตึงที่ขาด้านหลังและก้นกบ คางไว้ประมาณ 10-15 วินาที ทำสลับข้างไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้สึกดีขึ้นเอง

7. ปราณีร่างกายหน่อย

รู้ไหมว่า อารมณ์เข้ามามีส่วนกับความเจ็บปวดได้มากทีเดียว ทั้งความเครียด ความกลัว และความวิตกกังวล จะยิ่งเข้าไปสั่งสมองให้รู้สึกปวดเมื่อยมากขึ้นไปอีก ดังนั้นพยายามคลายเครียดด้วยการหายใจเข้าลึกๆ และปล่อยออกยาวๆ ยอมรับกับความเจ็บปวดและปล่อยวางบ้าง

8. จัดท่าใหม่

ยอมรับหรือไม่ว่าคุณชอบนอนตะแคงแถมขดตัว ให้แก้ใหม่ด้วยการหาหมอนข้างมากอด วิธีนี้จะช่วยดันให้หลังของคุณตั้งตรง ส่วนคนที่ชอบนอนหงาย ก็สามารถป้องกันการกดทับหลังได้ด้วยการหาหมอนหรือหมอนข้างมารองใต้เข่าทั้ง 2 ข้าง แค่นี้ก็จะช่วยจัดกล้ามเนื้อหลังของคุณให้โค้งตามธรรมชาติ

9. พักขาบ้าง

ขาเป็นเหมือนพาหนะสำคัญของร่ายกายที่ต้องโลดแล่นตลอด ดังนั้นเมื่อคุณต้องทำกิจกรรมที่ต้องยืนนานๆ อย่างยืนล้างจาน ก็ควรพักขาสลับกันไปมาบ้าง วิธีนี้จะช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อ และลดน้ำหนักที่กดทับบริเวณหลังส่วนล่างได้

10. นวด

ถือเป็นข้ออ้างในการช่วยบำบัดหลังได้เลย หากคุณจะบอกทางบ้านว่า ขอเวลาไปสปานวดตัว อาทิตย์ละครั้งก็ยังดี เพราะมีการศึกษาพบว่า กลุ่มทดสอบที่ได้รับการนวดทุกอาทิตย์เป็นเวลาติดต่อกัน 10 อาทิตย์ มีอาการปวดหลังน้อยลง เทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้นวดเลย

11. ทิชชู่

แปลกใจไหมว่าร จุดวางทิชชู่ในห้องน้ำทำให้เราปวดหลังจริงๆนะ ไม่น้อยเลยที่เกิดอาการกล้ามเนื้อหลังอักเสบจากการเอี้ยวตัวผิดท่าในห้องน้ำ หาที่วางทิชชู่ให้ดีๆ พอทำกิจวัตรถ่ายเบาหรือหนักเสร็จแล้ว จะได้ไม่ต้องเผลอเอี้ยวตัวไปหยิบให้หลังเคล็ด

12. นั่งหลังตรง

อันนี้สำคัญมาก และยังช่วยเสริมบุคลิกด้วย หากใช้โซฟานุ่มๆ น่ะทำให้รู้สึกสบายและรีแลกซ์สุดๆ แต่รู้หรือไม่ว่ายิ่งนุ่ม หรือยิ่งไม่มีพนักคอยพยุงหลัง ยิ่งทำให้แผ่นหลังโดนกดทับมากขึ้นถึง 3 เท่า ดังนั้นคราวหน้าก่อนดูละครเรื่องโปรด อย่าลืมหาหมอนมารองหลัง พร้อมนั่งหลังตรง แผ่นเท้าติดพื้นทั้ง 2 ข้างด้วยล่ะ

13. ขับรถ

เพื่อการนั่งขับรถอย่างถูกวินัยขึ้นนั้น เพียงเราปรับระดับกระจกส่องหลังให้สูงขึ้นเล็กน้อย แค่นี้ก็ทำให้คุณยืดตัวยาวขึ้น และเมื่อยหลังน้อยลงแล้ว

14. เปลี่ยนเตียงนอน

กลับกลายเป็นว่าเตียงหนาแน่น ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายเราซะแล้ว เพราะจากผลการสำรวจพบว่า กลุ่มคนที่นอนบนเตียงแบบแน่นมักมีอาการปวดหลังมากกว่าคนที่นอนบนเตียงสปริงนุ่มๆ อย่าลืมว่าคุณใช้เวลาวันละ 8 ชั่วโมงบนนั้นนะ ก็เทียบเท่ากับประมาณ 3,000 ชั่วโมงต่อปีทีเดียว คุ้มมากที่จะเลือกอย่างดี จริงไหมล่ะ

ที่มา : นิตยสาร lisa

เรียบเรียงโดย : Postsod

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่