แชร์เก็บไว้นะ คาถาหลวงปู่จาม ท่องแล้วรวย มีกิน มีใช้ ไม่ขาดมือ

0

แชร์เก็บไว้นะ คาถาหลวงปู่จาม ท่องแล้วรวย มีกิน มีใช้ ไม่ขาดมือ

เงินทองในสมัยนี้ก็หายากนักหนา ทำให้หลายคนที่หมดหนทางและสติปัญญา จึงหันไปเลือกเดินในทางที่ผิดกันมากมาย วันนี้เราขอนำ คาถาที่ 「หลวงปู่จาม」 แนะนำให้บูชาแล้วมีกินมีใช้ มาให้ทุกท่านได้ลองนำไปท่องกัน เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แม้แต่พระเณรที่วัดเจดีย์หลวง ยังพากันมาขอเรียน จนต้องปิดกุฏิหนี

“…เจริญคาถาพระสีวลี…” เรื่องปัจจัย ๔ ขณะที่อยู่วัดเจดีย์หลวง เมืองเชียงใหม่ ทุกครั้งทุกคราวไม่ขาดอะไรสักอัน ยิ่งเรื่องอาหารบิณฑบาตด้วยแล้ว ไม่เคยลำบากเลยได้มาก หมู่พระเณรไปบิณฑบาตกลับมาได้หมู่ละน้อยเดียว จะฉันก็ไม่พออิ่ม ส่วนผู้ข้าฯ บางวันรถล้อถีบตามมาส่ง ศรัทธาที่เขาใส่บาตรเขาจ้างให้ บางวันก็หิ้วพะรุงพะรัง เดินไปทางเส้นไหนก็ได้มาทุกเส้นทุกสายบิณฑบาต จนพระเณรเขาอิจฉาหรือบางคนถึงกับเดินตามไปก็มี

ยิ่งกว่านั้นมาถามว่า ….”ท่านอาจารย์ทำไมรวยอาหารแท้ทำอย่างไร” ?”ก็บุญเก่าของเพิ่น” ผู้ข้าฯ ตอบ “ได้ยินเขาว่า ท่านอาจารย์เจริญคาถา” ? “เจริญคาถาพระสีวลี”…(หลวงปู่จาม) “พวกผมก็เจริญเหมือนกันไม่เห็นร่ำรวยได้มาอย่างท่านอาจารย์เลยครับ คาถาของท่านอาจารย์ว่าอย่างได๋ ” ? “ไม่มีคาถมคาถาอะหยังดอก ก็ไปตามปกตินี้หล่ะไปขอข้าวเขามากิน เขาให้ก็เอา เขาไม่ให้ก็แล้วไป เดินไปข้างหน้าจนสุดทางแล้วก็กลับมา ไม่ได้ว่าไม่ได้ขอออกปากกับใคร “…(หลวงปู่จาม)” ท่านอาจารย์ต้องมีคาถาเรียกลาภ พวกผมเคยได้ยินพระเณรวัดพระสิงห์ เมืองเชียงใหม่ เล่าลือกันอยู่ว่า ตุ๊ป่าวัดเจดีย์หลวง ตนหนึ่งเจริญคาถาพระสีวลี ก่อนออกบิณฑบาตจึงได้ร่ำรวยได้อาหารมาก พวกผมได้ยินมาอย่างนี้ และยังได้เห็นท่านอาจารย์ แบ่งอาหารให้เณรวัดพระสิงห์อีกด้วย “พวกเขาไม่ยอมวันต่อมาก็มาขอเรียนคาถาพระสีวลีอีก…หลายครั้งหลายวัน จนผู้ข้าฯ ก็ออกจะรำคาญ จึงได้บอกแก้รำคาญพอแล้วๆ ไป พอคนนี้มาเรียน คนนั้นก็มาเรียน แต่เราก็บอกว่า หากผู้ใดเคยให้ทานทำบุญมาก่อนแต่หลายภพหลายชาติ

คาถาบทนี้จึงจะศักดิ์สิทธิ์เป็นผลเป็นมงคล ทีนี้บางคนเรียนไปก็ได้ผล บางคนเรียนไปเจริญก่อนออกบิณฑบาตกลับมาบาตรเปล่าก็มี ก็มาต่อว่า หาว่าบอกคาถาไม่จบบท ก็เลยวุ่นวายกันอยู่พักใหญ่ๆ ผู้บิณฑบาตร่ำรวยก็เชื่อศรัทธา ผู้มาใหม่ก็มาขอเรียนอีก วุ่นกันไม่รู้จบ ในที่สุดเลยให้พระนักเรียนนักศึกษาเขาเขียนใส่กระดาษแปะติดกับแผ่นไม้อัดแล้วแขวนไว้หน้ากุฎิว่า…”อิติปิโส ภควา สิมพะลี จ มหาเถโร มหาลาโภ มหาลาภัง มหาเตชา สัพพะลาภา ภะวันตุ เม เอตัง มะมะ” ก็แก้รำคาญไปอย่างนั้น มันไม่ใช่แก่นสารสาระอะไรหรอก บุพกรรมเคยทำบุญให้ทาน เคยฝากไว้กับพระพุทธศาสนากับโลกสงสารนี้เองก่อนทั้งนั้นแหละ ของใครของมัน ทำไว้ทำมาแล้วต่างหาก…” ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม (วัดหนองน่อง) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่ภาพมหามงคลนี้ ทุกๆ ท่าน

ขอขอบคุณ : หลวงปู่จาม

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่