ในปัจจุบัน ความต้องการใช้ไฟฟ้ามีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มสูงขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล ดังนั้น การพัฒนาพลังงานสะอาดจึงมีความสำคัญมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานสะอาดที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องและไม่มีมลพิษ การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือแบตเตอรี่โซลาร์รูฟ (Solar Rooftop) จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับบ้านและธุรกิจที่ต้องการประหยัดค่าไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
แบตเตอรี่โซลาร์รูฟ เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์เซลล์ไว้ใช้ในช่วงเวลาที่แสงแดดอ่อนแรงหรือในเวลากลางคืน การติดตั้งแบตเตอรี่โซลาร์รูฟจึงช่วยให้บ้านหรือธุรกิจสามารถผลิตและเก็บพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ประโยชน์ของการติดตั้งแบตเตอรี่โซลาร์รูฟ
1. ประหยัดค่าไฟฟ้า
ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดที่สุดของการติดตั้งแบตเตอรี่โซลาร์รูฟคือ ช่วยลดค่าไฟฟ้า เนื่องจากบ้านหรือธุรกิจสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องซื้อไฟฟ้าจากบริษัทไฟฟ้า ดังนั้น จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มสูงขึ้น
ตัวอย่าง : บ้านที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้า 100 หน่วยต่อเดือน หากติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ขนาด 4 kW สามารถผลิตไฟฟ้าได้เฉลี่ย 30 หน่วยต่อวัน ในช่วงกลางวันจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด และยังสามารถผลิตไฟฟ้าส่วนเกินไว้ใช้ในยามค่ำคืนหรือเวลาที่แสงแดดอ่อนแรงได้ ดังนั้น บ้านหลังนี้จึงต้องซื้อไฟฟ้าจากบริษัทไฟฟ้าเพียง 70 หน่วยต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 700 บาทต่อเดือน
2. เพิ่มความมั่นคงในระบบไฟฟ้า
แบตเตอรี่โซลาร์รูฟสามารถช่วยเพิ่มความมั่นคงในระบบไฟฟ้าได้ โดยทำหน้าที่เป็นแหล่งสำรองไฟฟ้าในกรณีที่เกิดไฟฟ้าดับหรือไฟฟ้าขัดข้อง ซึ่งสามารถช่วยป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านหรือธุรกิจเสียหายได้
ตัวอย่าง : บ้านที่มีการติดตั้งแบตเตอรี่โซลาร์รูฟ หากเกิดไฟฟ้าดับ แบตเตอรี่โซลาร์รูฟก็จะทำหน้าที่จ่ายไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านได้ตามปกติ ช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหาย
3. ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์เป็นพลังงานสะอาด ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ จึงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ตัวอย่าง : บ้านที่มีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ขนาด 4 kW สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 10 ตันต่อปี ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
4. เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน
บ้านหรือธุรกิจที่มีการติดตั้งแบตเตอรี่โซลาร์รูฟจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่สามารถใช้ผลิตไฟฟ้าได้เอง ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นในอนาคต
ตัวอย่าง : บ้านที่มีการติดตั้งแบตเตอรี่โซลาร์รูฟมูลค่า 200,000 บาท หากขายต่อในราคาตลาดจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ประมาณ 100,000 บาท
5. เพิ่มทางเลือกในการใช้พลังงาน
การติดตั้งแบตเตอรี่โซลาร์รูฟช่วยให้บ้านหรือธุรกิจมีทางเลือกในการใช้พลังงานมากขึ้น โดยสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองหรือขายไฟฟ้าคืนให้กับบริษัทไฟฟ้าได้
ตัวอย่าง : บ้านที่มีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ขนาด 4 kW หากผลิตไฟฟ้าส่วนเกินได้มากกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้า สามารถขายไฟฟ้าคืนให้กับบริษัทไฟฟ้าได้ จะช่วยให้บ้านหลังนี้สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่ง
การติดตั้งแบตเตอรี่โซลาร์รูฟเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เนื่องจากช่วยลดค่าไฟฟ้า เพิ่มความมั่นคงในระบบไฟฟ้า ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม บ้านหรือธุรกิจควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ราคา ระยะเวลาคืนทุน และความต้องการใช้ไฟฟ้า เพื่อตัดสินใจว่าคุ้มค่าที่จะติดตั้งหรือไม่