ล้อรถดอกยางสึก อย่าไปจับ 5 อย่างนี่ให้รีบเข้าศูนย์

0

ล้อรถดอกยางสึก อย่าไปจับ 5 อย่างนี่ให้รีบเข้าศูนย์

ยางรถเป็นสิ่งที่สำคัญ โดนพื้นถนนอยู่ตลอดระยะเวลาในการขับขี่ ทั้งยังเป็นที่รองรับ น้ำ หนักของรถ แต่รู้หรือไม่ว่าเราควรเปลี่ยนยางรถยนต์ตอนไหนช่วงเวลาไหน ซึ่งตามคำแนะนำเบื้องต้นแล้วการเปลี่ยนยางรถยนต์นั้นไม่ควรเกินระยะเวลา 3 ปี นับจากวันผลิตหรือ 50,000 กิโลเมตร หากครบเวลาแม้ว่ายางรถยนต์จะอยู่ในสภาพที่ดีก็ตามแต่ ทางที่ดีเพื่อความปลอด ภัยของตัวคุณเอง ไม่ควรเลยตามระยะเวลาที่กำหนดออกมา

1 ลองปล่อยพวงมาลัย 3 วินาที แล้วรถไม่วิ่งตรง

การปล่อยพวงมาลัยแล้วรถไม่ตรง เวลาที่เราขับรถแล้วหากว่าปล่อยพวงมาลัยสักประมาณ 3 วินาที หากรถไถลไปทางใดทางหนึ่ง รถไม่ตรง ผิดเลน ตกข้างทาง แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดี เป็นสิ่งที่อัน ต รายที่สุด จะต้องนำรถเข้าไปตรวจ สอบโดยเร็ว อาจจะมีการผิดปกติ ที่ดอกยางสึกไม่เท่ากัน เพลาล้อ ลูก หมาก ศูนย์ล้อมีปัญหา ให้รีบทำการเช็คยางล้อรถยนต์

2 พวงมาลัยสั่น

เวลาขับรถนั้นผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ถึงความผิดปก ติของตัวรถ หากเรารู้สึกถึงการสั่นของพวงมาลัย รถเด้งๆทั้งๆที่มีการขับมาช้า ก็ควรที่จะรีบเข้าอู่โดยเร็ว เพื่อดูอาการของรถและส่วนอื่นๆ ว่ามีสิ่งใดที่ผิด ปกติไปหรือไม่ ควรรีบแก้ไข

3 ขับรถลงแอ่งน้ำ แล้วรถแฉลบ

ในระยะทางที่จะมีแอ่งน้ำจะเป็นเพียงแอ่งน้ำตื้นๆ แต่รถดันแฉลบได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าดอกยางของรถหมดสภาพ หรือไม่ก็ดอกยางมีความตื้นจนเกินไป ทำให้รีดน้ำได้ไม่ดี ไม่มีประสิทธิภาพ

ซึ่งการทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่อัน ต รายมากเช่นกัน ควรที่จะเช็คดอกยางให้ดี ดูสะพานยางหากดอกยาวเท่ากับสะพานยาง แสดงว่าตื้นจนเกินไป ควรที่จะรีบเปลี่ยนเป็นเส้นใหม่

4 ยางลมอ่อนผิดปกติ

หากรู้สึกว่ายางลมรถอ่อนแล้วจะต้องมีการเติมลมอยู่บ่อยครั้งมากเกินกว่าปกติ นั่นอาจเป็นเพราะว่ายางซึม ยางรั่วก็ได้ แบบนี้ไม่ควรปล่อยเอาไว้ ควรที่จะรีบเข้าเช็คยางในทันที บริเวณหน้ายางนั้นอาจจะมีรอย ขีดรอย ทิ่ ม ของสิ่งของที่แหลม คม หากไม่เห็นว่ามีอะไรที่ทำให้รั่วแล้วยางลมยังคงอ่อน นั่นแสดงว่าไม่ปกติ ให้รีบเข้าศูนย์แล้วเช็คดู

5 ดอกยางสึกไม่เท่ากัน

เวลาที่ขับรถบนท้องถนนจะต้องใช้ล้อพร้อมกันทั้ง 4 ล้อดอกยางของล้อเลย มักที่จะต้องสึกไปพอๆกัน ซึ่งแน่นอนว่าแม้ว่ามันจะไม่เท่ากันทุกเส้นก็ตาม ล้อไหนที่มีการขับเคลื่อนมันก็จะสึกเร็วกว่า หากรู้สึกว่าล้อยางสึก ก็ควรสลับยางล้อคู่หน้ากับล้อคู่หลัง ในทุกๆ 10000 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้ใช้งานยางล้อได้อย่างเท่ากัน

นอกจากนี้การขับรถตามระยะทางหรืออายุของยางรถยนต์ ตัวผู้ขับขี่เองก็ควรที่จะหมั่น ตรวจสอบ สภาพภายนอกของดอกยาง ว่ามีการรั่วซึมหรือมีสิ่งที่ ผิดปกติไปหรือไ ม่เพื่อความปลอด ภัยของตัวคุณเอง รวมถึงผู้ที่ขับขี่รถบนท้องถนนด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก : sanook

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่