เช็กลิสต์ 4 กลุ่มยาสามัญประจำบ้านพร้อมวิตามินที่ใช้บ่อยจนต้องมีไว้ใกล้มือ
ความเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับเราทุกคน ซึ่งมักจะชอบมาในเวลาที่เราไม่ตั้งตัวเสียด้วย และคงไม่ดีแน่หากเราจะต้องเสียเวลาไปโรงพยาบาลทุกครั้งแม้ว่าจะเป็นความเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่รักษาได้ง่าย ๆ อย่างการอ่อนเพลียที่สามารถรับประทานยาบำรุงอย่างถั่งเช่าและBlackmores แล้วพักผ่อน, อาการปวดหัวก็รับประทานยาแก้ปวด หรือหากมีอาการปวดฟันก็ใช้วิธีแก้ปวดฟันได้ด้วยขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ที่ขาดจึงอาจมีเพียงอุปกรณ์และยาเท่านั้น
ดังนั้นคราวนี้เราจึงขอชวนเพื่อน ๆ มาเลือกยาสามัญประจำบ้านพร้อมวิตามินที่ควรมีติดบ้านไว้ใกล้มือให้เราได้อุ่นใจกัน ซึ่งเรามักจะมีกลุ่มยาสามัญประจำบ้านที่ใช้บ่อย ๆ อยู่ไม่กี่ชนิด เช่น
กลุ่มยาบรรเทาปวดลดไข้
ยาในกลุ่มนี้ที่เรารู้จักทั่วไปคงเป็นพาราฯ และแอสไพริน แต่สำหรับเพื่อน ๆ หลายคนที่ยาเหล่านี้ดูธรรมดาเกินไป ก็อาจจำเป็นต้องมียาบรรเทาปวดลดไข้ตัวอื่นติดบ้านไว้เหมือนกัน
ยาที่ใช้ในความแรงขึ้นมาอีกขั้นจะเป็นยาแก้อักเสบชนิดไม่มีสเตียรอยด์ NSAID ที่จะช่วยระงับอาการปวดคล้ายพาราเซตามอลแต่ออกฤทธิ์ได้แรงกว่า ยาในกลุ่มนี้ที่รู้จักกันดีคือ พอนสแตน (ponstan) และไอบูโพรเฟน (ibuprofen) ซึ่งยาในกลุ่มนี้ยังมีข้อควรระวังตรงที่ระคายเคืองกระเพาะ จึงควรรับประทานหลังอาหารทันที
กลุ่มยาแก้แพ้
ยาชนิดนี้จะเป็นตัวยับยั้งร่างกายไม่ให้หลังสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ออกมา จึงสามารถบรรเทาอาการไอจามน้ำมูกไหลเนื่องจากภูมิแพ้ และบรรเทาอาการคันต่าง ๆ ได้ ซึ่งยาแก้แพ้แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มที่ทำให้ง่วงซึม ยากลุ่มนี้ที่เราคุ้นเคยก็คือ คลอเฟนิรามีน (chlorpheniramine) ยาเม็ดกลมๆ เหลือง ๆ ที่รับประทานแล้วทำให้ง่วงนอน
2. กลุ่มที่ไม่ทําให้ง่วงซึม ที่สามารถใช้ทดแทนยาในกลุ่มแรกได้ เช่น ลอราทาดีน (loratadine) เซทิริซีน (cetirizine) เฟโซเฟนาดีน (fexofenadine) เลโวเซทิริซีน (levocetirizine) ซึ่งควรระมัดระวังการในการใช้สำหรับผู้ที่เป็นโรคตับ โรคไต หรือผู้ที่มีคลื่นหัวใจผิดปกติ
กลุ่มยาสำหรับโรคปากและวิธีแก้ปวดฟัน
การปวดฟันเป็นเรื่องไม่สนุกและอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ เบื้องต้นเราก็มีวิธีแก้ปวดฟันด้วยการใช้ยาในกลุ่มยาบรรเทาปวดลดไข้เหมือนกัน แต่หากยังไม่หายก็อาจต้องใช้ ยาเบนโซเคน (Benzocaine) ที่มีฤทธิ์เป็นยาชาที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเฉพาะจุดได้ชั่วคราวด้วยการป้ายยาบริเวณนั้น ซึ่งก็ต้องทำด้วยความระมัดระวังเพราะหากใช้ไม่ถูกวิธีก็อาจกลายเป็นอัตรายได้
ซึ่งหากอาการปวดฟันนั้นไม่รุน แรงมาก การใช้ยาที่ให้ผลแรงอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เราจึงมีวิธีแก้ปวดฟันแบบธรรมชาติที่ช่วยบรรเทาอาการนี้ได้ เช่น ใช้การบ้วนน้ำเกลือ, ใช้การนำผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งมาประคบ, ใช้สมุนไพรไทยเช่น กระเทียม ใบฝรั่ง น้ำมันกานพลู, ใช้การกดจุด, บ้วนปากด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือใช้ไหมขัดฟันให้ช่องปากสะอาดมากขึ้น
ทั้งนี้วิธีแก้ปวดฟันและการบรรเทาอาการปวดฟันนั้นเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ ซึ่งหากอาการปวดไม่ได้หายไปหรือเริ่มมีอาการรุน แรงขึ้น ทางที่ดีที่สุดจึงควรเป็นการไปพบทันตแพทย์เพื่อรักษา
กลุ่มยาบำรุงร่างกาย
หลายครั้งที่เรารู้สึกไม่สบายตัว อ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่ก็ไม่ได้เกิดเป็นความเจ็บป่วยอะไรที่เด่นชัด หรือในบางท่านอาจมีอาการของร่างกายที่แปลกไป เช่น เล็บซีดเหลือง ผิวแห้งง่าย ดวงตาเริ่มมองไม่ชัด หรือแม้แต่น้ำหนักที่เริ่มไม่คงที่แม้จะมีการรับประทานอาหารที่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากก็ตาม
เหล่านี้อาจแสดงถึงการที่ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างวิตามินและแร่ธาตุ รวมถึงการบำรุงที่ไม่เพียงพอ กลุ่มยาบำรุงร่างกายจึงเป็นยาอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องมีติดบ้านไว้ให้เราได้ดูแลร่างกายกันเป็นประจำในชีวิตประจำวัน
– ถั่งเช่า สุดยอดอาหารเสริมบำรุงกำลังเพิ่มภูมิต้านทาน
ถั่งเช่าสำหรับชาวจีนแล้วเป็นเหมือนยาอายุวัฒนะที่ให้การบำรุงหลากหลาย อุดมด้วยแร่ธาตุและวิตามินนานาชนิด เช่น วิตามินอี, เค, บี1, บี2, บี12, โซเดียม, แคลเซียม, เหล็ก, สังกะสี, ซิลิเนียม, และ โพแทสเซียม ช่วยบำรุงให้การทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างปกติ
ถั่งเช่ายังอุดมด้วยสาร Cordycepin ที่มีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหมุนเวียนโลหิต มีฤทธิ์ต้านเชื๊อเเบคทีเรีย และบำรุงการทำงานของหัวใจและไต บำรุงปอดและทางเดินหายใจ ช่วยต้านมะ เร็งและชะลอวัย สามารถเพิ่มภูมิต้านทานในร่ากาย บำรุงปอดและระบบทางเดินหายใจ จึงนิยมนำมารักษาอาการภูมิแพ้ ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นไวอะกร้าตำหรับยาแผนโบราณของจีนอีกด้วย
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากถั่งเช่าให้เราได้เลือกรับประทานกันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
– ถั่งเช่าสีทองอบแห้ง
– น้ำถั่งเช่าสกัดพร้อมดื่ม
ถั่งเช่าสกัดบรรจุแคปซูล ซึ่งสามารถแกะแคปซูลผสมผงสกัดถั่งเช่าลงกับชาที่ดื่มเป็นประจำได้
ทั้งนี้ถั่งเช่านับเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน การรับประทานถั่งเช่าในปริมาณที่มากเกินไปจึงอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับร่างกาย เช่น ร้อนใน กระหายน้ำ เหงื่อออกมาก ไปจนถึงเวียนศีรษะและหน้ามืดได้ จึงควรรับประทานตามที่แนะนำเท่านั้น
– Blackmores วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย
ในแต่ละวันร่างกายเราต้องการสารอาหารที่เพียงพอเพื่อให้ทำงานได้เป็นปกติ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาหารที่เรารับประทานแต่ละวันอาจไม่เพียงพอให้ได้สารอาหารตามที่ต้องการจนทำให้เกิดอาการที่ไม่ปกติได้ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอาการแบบไหนที่น่าสังเกตและแก้ได้ง่าย ๆ ด้วยการเสริมวิตามิน Blackmores
อ่อนเพลีย ง่วงนอน หลง ๆ ลืม ๆ นี่อาจเป็นอาการที่ร่างกายกำลังขาดวิตามินบี โดยวิตามินบีหลายตัวทำหน้าที่เสริมสร้างเส้นประสาท ควบคุมระบบประสาท และควบคุมการเปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงานในร่างกาย โดยเฉพาะวิตามินบี1, 2, 3, 5 และบี12 ที่ในแต่ละวันเราอาจรับประทานเข้าไปไม่เพียงพอ โดยเฉพาะผู้ที่นอนดึกที่จำเป็นต้องใช้วิตามินเหล่านี้มากเป็นพิเศษ ซึ่งชดเชยได้ด้วย Blackmores Multi B ที่รวบรวมวิตามินบีที่ร่างกายต้องการไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งอาจรับประทานควบคู่กับ Blackmores Lecithin ช่วยผลิตสารสื่อประสาทบางประเภท สามารถลดโอกาสการเป็นอัลไซเมอร์ในระยะยาวได้
– เป็น หวัดง่าย การเป็น หวัดง่ายไม่ใช่เรื่องปกติของร่างกาย แต่เป็นเพราะการขาดวิตามินซีได้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งปกติแล้ววิตามินซีเป็นวิตามินที่หาได้ง่ายก็จริง แต่ก็สลายตัวได้ง่ายในความร้อนและแสงแดด ทำให้ในแต่ละวันการรับประทานวิตามินซีจากอาหารให้เพียงพอนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย Blackmores Vitamins Bio C รวบรวมวิตามินซีจากธรรมชาติ บรรจุไว้ในขวดทึบกันแสง ซึ่งนอกจากช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแล้ว วิตามินซีก็ยังช่วยต่อต้าน อนุมูลอิสระ สร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน และช่วยให้หลอดโลหิตแข็งแรงได้ด้วย
– อาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน เช่น ปวดเมื่อยตามตัว หงุดหงิด บวมตามร่างกาย ซึ่งการรับประทานวิตามินอีนั้นสามารถเยียวยาอาการเหล่านี้ได้ ซึ่ง Blackmores Evening Primrose Oil น้ำมันพริมโรสชนิดแคปซูล อุดมด้วยวิตามินอีและกรดไขมันโอเมก้า 6 สามารถเยียวยาอาการเหล่านี้ได้ ทั้งยังช่วยคืนความชุ่มชื้นเนียนนุ่มให้กับผิวได้ด้วย
– ตาล้า ตาแห้ง มองไม่ชัด อาการนี้มักเกิดขึ้นกับผู้ที่เผชิญแสงสีฟ้าจากหน้าจอเป็นเวลานาน Blackmores Bilberry 2500 อุดมด้วยสารสกัดจากผลบิลเบอรี่ 25 มก. ช่วยในเรื่องการบำรุงสายตา ป้องกันจอประสาทตาเสื่อมได้
การเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นทำได้ไม่ยากด้วยตัวยาที่หาซื้อได้ง่ายมาติดบ้านไว้ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปโรงพยาบาลด้วยอาการอย่างแพ้อากาศ หรือ ปวดศีรษะอีก ทั้งนี้การเก็บรักษายาไว้ในบ้านก็มีเรื่องที่ต้องคำนึง คือ ต้องเก็บยาไว้ในที่แห้งและเย็น และอย่าลืมดูวันหมดอายุ-คัดยาที่หมดอายุทิ้งบ้าง เพื่อป้องกันการรับประทานยาผิด เท่านี้เราก็สบายใจได้ว่าอาการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเราจะได้รับการเยียวยาอย่างง่าย ๆ แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ในบ้านของเรานี้เอง ใครที่กำลังหาซื้อวิตามินเสริมบำรุงร่างกาย เตรียมช้อปกับ Shopee 12.12 Birthday Sale ส่งท้ายปีด้วยโปรโมชั่นสุดอลังการ! พบกับดีลส่วนลด Flash Sale สินค้ายอดฮิตเริ่มต้นแค่ 9 บาท! โค้ดส่งฟรีทั่วไทย แบบไม่มีขั้นต่ำ! พร้อมช้อปรับเงินคืน 50% Coins Cashback! เริ่มช้อปพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2020 นี้เท่านั้น!
Photo created freepik by : xb100, Bedneyimages, Prostooleh