ตรงใจเหลือเกิน 10 จุดอ่อนที่เถียงแทบไม่ออก จุกตามๆกันไป
สำหรับในวันนี้ผมขอออกมาพูดถึงสถานการณ์ต่างๆในบ้านเรา และพูดถึงจุดอ่อนของประเทศของเราโดยบทความนี้ได้นำมาจากคุณ เซ็ทซึโอะ อิอุจิ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานองค์กรส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ประจำกรุงเทพฯ (เจโทร)
เขาได้ออกมาพูดถึงจุดอ่อนของประเทศเรา และจุดอ่อนของคนในบ้านเรา ที่เราอ่านแล้วรู้สึกว่าจะเถียงไม่ออกเลยสักข้อนึง เพราะว่ามันตรงใจกินใจเป็นอย่างมาก เพียงแต่หลายคนไม่ยอมรับความจริงเท่านั้นเอง
ซึ่งผมขอนำมาเสนอให้คุณผู้อ่านได้ทราบ ซึ่งกระผมเองได้อ่านทำความเข้าใจและนำมาเขียนเรียบเรียงใหม่เป็นภาษาในแบบฉบับของผม ไปดูกันเลยดีกว่าว่า 10 จุดอ่อนของประเทศของเรามีอะไรบ้าง
10 ข้อจุดอ่อนที่เถียงไม่ออก
1 คนในบ้านเรารู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะหน้าที่ที่มีต่อประชาชนและสังคม หลายคนเป็นประเภทที่ว่าใครมือยาวก็สาวได้สาวเอา จนเกิดเป็นธุรกิจที่เอาตัวรอดในวงในของตัวเอง รวมไปถึงธุรกิจต่างๆเกี่ยวกับการค้า การศึกษา จนทำให้ประเทศล้าหลังถดถอยไปเรื่อยๆ
2 การศึกษาตกต่ำ ไม่ทันสมัย ในปัจจุบันนี้คนในบ้านเรามักจะเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้เกิดการขาดโอกาสในการแข่งขันกับคนนอกประเทศ คนต่างประเทศในเวทีเดียวกัน จนไม่กล้าแสดงออก ไม่มีความมั่นใจในตนเอง ตามหลังชาติอื่น จะเห็นได้ว่าคนที่มีฐานะส่วนใหญ่มักจะมองการณ์ไกลนำลูกไปเรียนเมืองนอกเพื่อหาโอกาสที่ดีกว่า
3 ปัญหารถติดที่แก้ไม่ได้สักที ปัจจุบันในกรุงเทพฯถนนหลายเส้นไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหารถติดได้ อีกทั้งเวลาที่ฝนตกหนักก็เกิดน้ำท่วมและทำให้รถติดนานหลายชั่วโมง บางเส้นทางทำมาหลายปีแล้วก็ไม่เสร็จสักที
4 ไม่มองอนาคต มองอนาคตไม่เป็น คนในบ้านเรามากกว่า 70 เปอร์เซ็น ไม่มีเป้าหมายในอนาคต ทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่นึกถึงวันพรุ่งนี้ ทำงานแบบไร้อนาคต ทำงานวันต่อวัน แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ ไม่มีเงินก็แค่กู้เงินเสียดอกร้อยละ 10 ร้อยละ 20 มีก็จ่ายไม่มีก็หนีน้อย คนนักที่จะทำงานแบบมีระเบียบแบบแผน น้อยคนนักที่จะมีขั้นตอนในการบริหารชีวิตของตนเอง
5 ไม่จริงจังในหน้าที่ที่รับผิดชอบ ส่วนใหญ่มักจะทำแบบผักชีโรยหน้า ทำเพราะความเกรงใจ ต่างกับคนญี่ปุ่นและคนยุโรป มักจะให้ความสำคัญต่อสัญญาอย่างเคร่งครัด ให้ความสำคัญต่อหน้าที่ของตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นใด เหตุนี้จึงทำให้คนในบ้านเราถูกลดเครดิตและความน่าเชื่อถือลงไป
ความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากรประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ด้อยโอกาสในการพัฒนาคุณภาพของชีวิตของตนเอง ซึ่งทางภาครัฐจะต้องส่งเสริม แต่ยังไปไม่ถึง จึงทำให้หลายคนขาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
6 กฎหมายไม่เข้มแข็ง ดำเนินการไม่ต่อเนื่อง ปัจจุบันต้องบอกตามตรงว่าหลายหน่วยงานไม่ให้ความสำคัญและไม่สนใจต่อเรื่องเล็กๆน้อยๆของประชาชน จนทำให้หลายคนอด แม้กระทั่งโอกาส การเงิน และเกิดปัญหาตามมาในระยะยาวในที่สุด การดำเนินการทางด้านกฎหมายกับผู้มีอำนาจและบริวาร ก็ทำกันแบบเอาตัวรอดไปวันๆ ไม่มีมาตรการที่เด็ดขาดเหมือนต่างประเทศ
7 สังคมบ้านเรามักจะไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษสักเท่าไหร่ เลี้ยงกันเป็นศรีธนญชัย ยกย่องคนที่มีเงินมีอำนาจ โดยไม่สนใจว่าสิ่งเหล่านั้นจะถูกหรือผิด และสังคมเราเป็นประเภทที่ว่าไม่ค่อยกล้าออกมาพูดความจริงสักเท่าไหร่ เพราะว่ากลัวอำนาจ
8 NGO ค้านลูกเดียว บางกลุ่มอิงถึงผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น แต่บ้านเรามีน้อย บ่อยครั้งที่บ้านเราเสียโอกาสอย่างมหาศาลไปเพราะการค้านแบบหัวชนฝา ไม่เอาเหตุผลมาพูดกัน
9 ยังไม่พร้อมกับการไปเวทีโลก การสร้างความน่าเชื่อถือนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่บ้านเรายังขาดทักษะและทีมเวิร์ค เพิ่งจะไปสู้กับประเทศอย่างสิงคโปร์ไม่ได้เลย เขามีระเบียบแบบแผนและมีความเด็ดขาดมากกว่า
10 เลี้ยงลูกกันไม่เป็น ปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่เดี๋ยวนี้เลี้ยงลูกโดยการให้โทรศัพท์มือถือ จนทำให้เขามีความอดทนต่ำ ไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่เข้มแข็ง มีอะไรนิดอะไรหน่อยก็โพสต์ลงโซเชียล
10 ข้อที่กระผมนำมาฝากในวันนี้ ผมหวังว่าจะทำให้หลายคนสามารถที่จะรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้โดยไม่มีการเคืองกัน เพราะว่ามันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแต่ไม่ค่อยมีใครออกมานำเสนอนั่นเอง
ผมขอเหตุผลของคุณผู้อ่านในข้อ 11 หน่อย หากคุณมี พิมพ์ในคอมเม้นให้เราได้ทราบว่ามีเรื่องราวอะไรอีกที่เรายังไม่รู้
เขียน / เรียบเรียงใหม่โดย : Postsod
ขอขอบคุณข้อมูลของคุณ : เซ็ทซึโอะ อิอุจิ
ไม่อนุญาตให้คัดลอก ทุกกรณี บทความมีลิขสิทธิ์