ซาลาเปาหวานทอด สูตรหอมนุ่ม ไม่มีเหนียว ทำกินทำขายได้เลย

ซาลาเปาหวานทอด สูตรหอมนุ่ม ไม่มีเหนียว ทำกินทำขายได้เลย

เมนูอาหารเช้านั้น หลายๆคนก็มักจะนึกถึงเมนูน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ซาลาเปาหวาน ที่เป็นเมนูคู่กัน ทานแล้วอิ่มท้องและยังได้รสชาติของความอร่อยด้วย

และในวันนี้เราได้มีสูตรการทอดซาลาเปาหวาน ที่เป็นสูตรแป้งนุ่ม มีความหอม วางทิ้งไว้ก็ไม่มีเหนียวอย่างแน่นอน ได้รสชาติที่อร่อยถูกใจ จะสามารถนำสูตรนี้ไปทำทานกันเองหรือจะทำสร้างเป็นอาชีพก็ดีไม่ใช่น้อย เป็นอาชีพที่ลงทุนได้น้อยแต่ข า ยได้ดีเลยทีเดียว

ส่วนผสมที่ต้องเตรียม

1 แป้งสาลีตราฮกแดง 2 กิโลกรัม

2 ไข่ไก่ 1 ฟอง

3 เกลือ 2 ช้อนชา

4 น้ำ 3 ถ้วย

5 น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

6 ผงโซดาไบคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะ

7 น้ำตาล 600 กรัม

8 แ อ ม โ ม เนีย (เช้าก่า) ½ ช้อนชา

9 ยีสต์ 2 ช้อนชา

วิธีทำซาลาเปาทอด

1 เราจะเริ่มด้วยการนำส่วนผสมของแป้งสาลีตราฮกแดง 2 กิโลกรัม เกลือ 2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 600 กรัม ยีสต์ 2 ช้อนชา ตามด้วยผงโซดา 1 ช้อนโต๊ะ ทำการเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน

2 จากนั้นค่อยๆทำการเทน้ำใส่ลงไปประมาณ 3 ถ้วย แอม โ ม เ นี ยและน้ำมันพืช ทำการคล้านวดส่วนผสมให้เข้ากันดี จนเนื้อมีความเนียนสามารถปั้นเป็นก้อนได้

3 เมื่อส่วนผสมของแป้งของเราเนียนได้ที่ดีแล้ว ให้เราทำการพักตัวแป้ง หาผ้าขาวบางหรือฟิล์มใสถนอมอาหารมาปิดคลุมเอาไว้ และพักแป้งไว้ประมาณ 20 นาที

4 เมื่อครบเวลาให้เรานำแป้งที่ได้ออกมาทำการนวดครั้งที่ 2 จะใช้เวลาในการนวดประมาณ 20 นาที จากนั้นให้เราแบ่งแป้งที่นวดแล้วมาปั้นเป็นก้อนกลม เส้นผ่ าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว เตรียมเอาไว้

5 ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับการทอดลงไป เทน้ำมันลงไปกะเอาพอให้ท่วมซาลาเปาของเรา เมื่อน้ำมันของเราร้อนได้ที่ดีแล้ว ให้เราเบาไฟที่ระดับปานกลาง ใส่ซาลาเปาหวานลงไปทอดให้สุกเป็นด้านๆ และสีมีสีเหลืองที่สวยงาม เมื่อสุกดีแล้วให้เราตักขึ้นพักไว้บนตะแกรง สะเด็ดน้ำมัน ก็พร้อมทานได้เลย

เคล็ดไม่(ลับ)ที่ทำให้นุ่มนาน ไม่เหนียว

– สำหรับการนวดแป้งของเรานั้นไม่ควรนวดนานจนเกินไป นวดให้ส่วนผสมเข้ากันดีก็เพียงพอแล้ว

– เราควรมีการพักตัวแป้งก่อนที่จะนำไปทอด เพื่อที่จะให้แป้งของเราฟูและเช็ดตัว เมื่อทอดเสร็จแล้วเนื้อด้านในจะนุ่มจะน่าทาน

– ควรเลือกใช้น้ำมันใหม่ในการทอด หากว่าทำขายให้เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ทอดบ่อยๆ หากใช้น้ำมันเก่าซาลาเปาของเราจะมีสีที่ไม่สวย และจะอมน้ำมันได้

– ความร้อนที่เราใช้ควรเลือกใช้ความร้อนระดับปานกลาง หากใช้ไฟแรงจนเกินไปจะทำให้มีสีผิวที่ไม่สวย มีสีที่ไม่สม่ำเสมอ

ขอบคุณข้อมูลจาก : rak-sukapap