เคล็ดลับง่ายๆ แจกสูตรดีท็อกซ์ล้างลำไส้ อุจจาระตกค้างในลำไส้ (มีสูตร)
อุจจาระตกค้าง หมายถึง ระบบขับถ่ายอุจจาระออกไปไม่หมดนั่นเอง หากค้างอยู่ตามผนังลำไส้เป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้อุจจาระติดแน่น หลุดออกไปยาก ถึงจะมีอุจจาระรอบใหม่ออกมาดันของเก่าก็เท่านั้น ซึ่งอุจจาระที่ติดแน่นนั้น อาจจะไม่หมดออกไปจากลำไส้ด้วย หากอุจจาระรอบใหม่เหลวกว่า ก็แทรกตัวออกไปทางทวารหนักก่อน อุจจาระที่ตกค้างอยู่ ก็จะค้างอยู่อย่างนั้น ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว อันตรายมาก
สาเหตุอุจจาระตกค้าง
– เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
– กินอาหารที่ไม่มีกากใย หรือมีกากใยน้อย ไม่ชอบกินผัก
– มีพยาธิ, เชื้อรา ที่อาจทำให้ระบบการย่อยของลำไส้ผิดปกติ
– ระบบดูดซึมอาหารของลำไส้เสีย อาจมีน้ำมันเคลือบลำไส้ ทำให้ลำไส้ไม่สามารถดูดซึม อาหาร, น้ำที่หมุนเวียนผ่านเข้าไป จึงทำให้ลำไส้ของเรานั้นผิดปกติ
– ไม่ถ่ายอุจจาระก่อน 8.00 น. ช่วงเช้า จะทำให้ลำไส้ทำปฏิกิริยาบีบตัวให้อุจจาระย้อนกลับขึ้นไปด้านบน
กลุ่มคนที่มักมีปัญหาเรื่องอุจจาระตกค้าง ได้แก่
– เด็กเล็กที่ให้กินนมแล้วนอนเลย ไม่พาอุ้มพาดบ่าลูบหลัง หรือไม่พาขยับตัวกลิ้งไปมาสักนิดหน่อยให้ไส้ได้บีบตัวบ้าง และในเด็กที่อุจจาระแข็งมาก อุจจาระนี่อาจแข็งถึงกับบาดรูก้นได้เป็นแผล แล้วครั้งต่อไปเด็กจะไม่อยากอุจจาระออกมาเพราะกลัวเจ็บ แผลแยก เลยยิ่งกลั้น พอยิ่งกลั้นอุจจาระก็ยิ่งแข็งค้างไปเรื่อย
– คนที่ผ่าตัดบ่อย จะมีพังผืดไปรัดลำไส้ข้างในนุงนังทำให้บีบตัวไม่ดีอาจมีอุจจาระค้างอยู่ตามซอกโน้นซอกนี้ในลำไส้ จนบางท่านกลายเป็นลำไส้อุดตันไปได้ก็มี
– ผู้สูงอายุและคนไข้นอนโรงพยาบาล ที่ไม่ค่อยได้ขยับตัวลุกเดิน
– คนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแถมกลั้นอุจจาระบ่อย โดยเฉพาะท่านที่ทำงานออฟฟิศต้องนั่งแปะอยู่กับที่นาน หรืองานเข้าบ่อย ต้องขอผลัดเข้าห้องน้ำไปเรื่อยๆ ก็ไม่ดี
– ท่านที่มีลำไส้ยาว คือยิ่งยาวก็ยิ่งเป็นไซโลเก็บอุจจาระไว้ได้นานขึ้น บางท่านจะสังเกตว่าผักก็กินเยอะแต่อุจจาระแค่สัปดาห์ละหนเท่านั้น
แล้วเมื่อไรต้องดีท็อกซ์?
เมื่อเริ่มรู้สึกไม่สบายท้อง เรอ ท้องอืด ท้องเฟ้อบ่อยๆ ถ่ายเหลว ปวดท้องไม่มีสาเหตุ ท้องเสียบ่อยๆ ท้องผูก ถ่ายไม่ออกบ่อย ระบบขับถ่ายไม่ดี ถ่ายไม่เป็นเวลา ท้องป่อง มีกลิ่นปาก หน้ามัน เป็นสิว เป็นสัญญาณของการมีปัญหาที่ลำไส้แล้วค่ะ ควรดีท็อกซ์ได้แล้ว
เข้าใจกันแล้วใช่ไหมครับ สำหรับสาเหตุในเรื่องของ อุจจาระตกค้าง ต่อไปเรามาดูกัน
10 เคล็ดลับง่ายๆ แจกสูตรดีท็อกซ์ล้างลำไส้ อุจจาระตกค้างในลำไส้
สูตรที่ 1 โยเกิร์ต + นมสด + น้ำผึ้ง + มะนาว
ผสมโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย, นมสดรสจืด 100% 1 กล่อง, น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา และน้ำมะนาวครึ่งลูก คนให้เข้ากับแล้วดื่มทันที ห้ามวางแช่ทิ้งไว้ ถ้าดื่มก่อน 7 โมงเช้าจะดีมาก สูตรนี้ช่วยกระตุ้นลำไส้ให้ทำงาน เมื่อเราถ่ายคล่อง พุงก็ยุบตามไปด้วย ใส่ชุดไหนก็มันใจละวันนี้
สูตรที่ 2 นมสด + กล้วยน้ำว้า
สูตรนี้ใช้นมสด 2 กล่อง (รวมปริมาณประมาณ 500 มิลลิลิตร) กินพร้อมกับกล้วยน้ำว้า 2 ผล หรือจะเอาไปปั่นรวมกันแล้วดื่มก็ได้ ดื่มตอนท้องว่างหลังตื่น ดื่มก่อน 6 โมงเช้าได้ยิ่งดี เพราะเราจะได้ถ่ายก่อน 7 โมงเช้า สูตรนี้ก็จะไปกระตุ้นให้ถ่ายออกมา แนะนำให้ทำติดต่อกัน 3 วัน จะช่วยให้เราขับถ่ายเป็นเวลาด้วย
สูตรที่ 3 น้ำเปล่า + เม็ดแมงลัก
สูตรนี้ง่าย ๆ เลย แค่เตรียมน้ำร้อน 1 แก้ว ใส่เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา รอ 30 นาทีให้เม็ดแมงลักพองตัวเต็มทีก่อนแล้วค่อยดื่ม สูตรนี้แนะนำให้ดื่มก่อนนอน เม็ดแมงลักจะมีใยอาหารสูงและมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ จึงช่วยในการลากอุจจาระที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียว ตื่นเช้ามาถ่ายคล่อง สบายพุง เบาตัวไปอีก
* หมายเหตุ : ข้อควรระวังในการทานเม็ดแมงลัก คือ ต้องรอให้เม็ดแมงลักแตกตัว พองตัวเต็มที่เสียก่อน เพราะแทนที่จะช่วยระบาย ก็อาจจะกลายเป็นทำให้ท้องผูกแทนได้ทันที
สูตรที่ 4 น้ำเปล่า 1 ลิตร + มะนาว 2 ลูก + เกลือ 2 ช้อนชา
ใครจะทำสูตรนี้แนะนำว่าให้ทำวันหยุด เพราะทำสูตรนี้แล้วคุณจะถ่ายแบบไม่เป็นเวลาเลยทีเดียว เตรียมน้ำเปล่า 1 ลิตร บีบน้ำมะนาว 2 ลูก แล้วตามด้วยเกลือ 2 ช้อนชา และเขย่าให้เข้ากัน พยายามดื่มให้หมดภายใน 10-20 นาที พอดื่มหมดขวดแล้วสักพักคุณจะรู้สึกปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำทันที
สูตรที่ 5 น้ำมะละกอดิบต้ม
มะละกอดิบ 1/2 ลูก ปอกเปลือก เอาเมล็ดออกให้หมดแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง ให้ต้มมะละกอดิบในน้ำสะอาดประมาณ 15 นาที พักไว้ให้เย็น สามารถใส่ตู้เย็นเก็บไว้ดื่มได้หลายวัน ดื่ม 1 แก้วก่อนนอน ตื่นเช้ามาให้ดื่มน้ำอุ่นอีก 1 แก้ว ก็จะช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น (อาจใส่ชาเขียว ชาจีน ชาใบหม่อน หรือใบเตยเพิ่มได้)
สูตร 6 แก้วมังกร + น้ำแข็ง
มองข้ามไปไม่ได้เลยค่ะ เพราะแก้วมังกรเป็นผลไม้อีกชนิดที่ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย เพียงแค่เอาแก้วมังกร 1 ลูกมาปั่นผสมกับน้ำแข็ง 2 ช้อนโต๊ะให้ละเอียด ดื่มง่าย สดชื่น แถมสรรพคุณช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ แก้ปัญหาท้องผูกได้ด้วย
สูตร 7 มะเขือเทศ + หอมหัวใหญ่
แค่คิดถึงรสชาติของน้ำมะเขือเทศ หลายคนก็ทำหน้าเบ้แล้ว แต่สูตรนี้กินไม่ยาก แถมมีประโยชน์ด้วยค่ะ แค่เอามะเขือเทศเนื้อ 2 ลูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มในน้ำเดือดจนสุกดีจึงใส่หอมหัวใหญ่ 1/2 ลูกลงไปต้มด้วย ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยตามชอบ แล้วใช้ไฟอ่อนเคี่ยวไปเรื่อยๆ จนมะเขือเทศกับหอมหัวใหญ่เปื่อยเป็นเนื้อเดียวกันก็จะได้ซุปมะเขือเทศแสนอร่อยมารับประทานช่วยขับถ่ายแล้ว
สูตร 8 ผัก + ผลไม้ + น้ำเปล่า
สูตรสำหรับคนไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า ใช้น้ำดื่มสะอาด 1 ลิตร เลมอน 1 ลูก มะนาว 1/2 ลูก สตรอเบอร์รี่สไลด์ 5 ลูก หรือใช้ส้มหั่นแว่น 1 ผลก็ได้ แตงกวาหั่น 3-4 ชิ้น ใบสะระแหน่ 1 หยิบมือ แนะนำให้ล้างผักด้วยน้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 500 มิลลิลิตร แช่ทิ้งไว้ 10-15 นาทีเพื่อลดสารพิษ ส่วนใครกลัวขมแนะนำปอกเปลือกพวกแตงกวา เลมอน มะนาว ส้มออกก่อนค่ะ จากนั้นก็นำผัก ผลไม้ทั้งหมดที่เราเตรียมไว้ใส่ขวดน้ำ ขวดโหลแก้วตามชอบ เติมน้ำลงไป ผิดฝา แช่ตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมงก็ดื่มได้แล้ว เมื่อน้ำพร่องก็เติมใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่ต้องกินกาก แต่ไม่ควรแช่นานเกิน 12 ชั่วโมง เดี๋ยวผักเน่าเอาค่ะ สูตรนี้ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีในชื่อ Infuse Water สำหรับคนที่ถูกใจยังมีส่วนผสมเด็ดๆ อีกมากมายในโลกออนไลน์ที่สามารถทำตามได้ง่ายๆ
สูตร 9 ผักบุ้ง 2 กำมือผัดหรือต้ม
ในผักบุ้ง 100 กรัมนั้นจะให้พลังงาน 22 กิโลแคลอรี่ และประกอบด้วยเส้นใย วิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ อีก เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น ซึ่งผักบุ้งสามารถช่วยป้องกันโรคท้องผูก ช่วยทำความสะอาดของเสียที่ตกค้างในลำไส้ และผักบุ้งจีนมีฤทธิ์ช่วยในการขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะเหลือง ช่วยแก้อาการปัสสาวะเป็นเลือด ถ่ายออกมาเป็นเลือด วิธีการทำสูตรนี้ก้ทำได้ด้วยการใช้ลำต้นคั้นนำน้ำมาผสมกับน้ำผึ้งดื่ม ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ฯลฯ เห็นไหมล่ะคะว่าแค่ผักบุ้งตัวเดียวก็ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมายจริงๆ สำหรับใครที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักควรจะทานเป็นผักบุ้งต้มดีกว่าค่ะ ไม่มีน้ำมันมากวนตัวกวนใจ
สูตร 10 ผัก ผลไม้
1. วอเตอร์เครส Watercress หรือ ผักแพงพวย บ้านเรานี่เอง แพงพวยมีสรรพคุณช่วยทำความสะอาดเอนไซม์ในตับและยังมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะอีกด้วย วิธีการทานก็สามารถนำมาทานเป็นสลัด , ผัดผักแพงพวย ฯ
2. น้ำมะนาว ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยดีท็อกซ์และยังช่วยเรื่องการเผาผลาญให้ดียิ่งขึ้น การดื่มน้ำมะนาวผสมกับน้ำอุ่น ดื่มหลังจากตื่นนอน 1 แก้ว จะทำให้รู้สึกสดชื่น และช่วยในระบบขับถ่ายให้สามารถขับถ่ายได้ทุกวัน ทุกเช้า
3. ผักใบเขียว ผักชนิดสีเขียว จะช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย คลอโรฟีลในผักใบเขียวจะช่วยกำจัดสารพิษในร่างกาย และยังช่วยเผาผลาญโปรตีน แป้ง ไขมัน ผักใบเขียวจึงเหมาะสำหรับคนในเมืองที่อยู่ในภาวะที่ต้องเจอฝุ่น เจอควันพิษ ตลอดเวลา
4. ผลไม้สด ในผลไม้จะอุดมไปด้วยวิตามันชนิดต่างๆ ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี และยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มีกากใยอาหาร ที่จะช่วยให้เราขับถ่ายได้ดี ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง
5. กะหล่ำ ในกะหล่ำมีกรดทาร์ทาริก ที่สามารถยับยั้งน้ำตาล แป้ง ไขมัน ที่มักสะสมและตกค้างอยู่ตามร่างกายของเรา กรดทาร์ทาริกจะช่วยลดระดับคอลเลสเตอรอลในเลือด อีกทั้งยังมีกากใยอาหารที่จะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย กากใยอาหารเหล่านี้ จะลากเอาสิ่งตกค้างที่อยู่ในลำไส้ออกไปพร้อมกับอุจจาระ ทานกะหล่ำเยอะก็ไม่ทำให้เราอ้วนแน่ๆจ้า
6. อาร์ติโช้ค จะช่วยบำรุงตับและถุงน้ำดี ช่วยให้ถุงน้ำดีของเรานั้นสามารถผลิตน้ำดีได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ระบบย่อยอาหารของเรานั้นดียิ่งขึ้นไปด้วย
7. หัวบีทส์ ผัก ผลไม้ตระกูล บีทรูท หรือหัวไชเท้านั้น มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะจะช่วยกระตุ้นการสร้างเอมไซม์ในตับ ช่วยให้การต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยในเรื่องของการทำงานในตับ ถุงน้ำดี ให้สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ขจัดสารพิษออกจากร่างกายได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
8. ขิงและกระเทียม มีสรรพคุณร้อน ช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานได้ดี ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด อีกทั้งยังสามารถกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายได้อีกด้วย จึงทำให้หุ่นสวยหุ่นดีขึ้นแถมผิวพรรณยังเปล่งปลั่งขึ้นดีด้วยจ้า
9. ชาเขียว จะมีคลอโรฟีลที่ช่วยขับสารพิษ ต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างเซลล์เม็กเลือดแดงให้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังป้องกันความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งบางชนิดได้อีกด้วย
10. ธัญพืช ไม่ว่าจะเป็นถั่ว งา ข้าวโอ๊ด ข้าวสารี ลูกเดือย ฯลฯ ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่ามีประโยชน์ ช่วยในเรื่องการต่อต้านอนุมูลอิสระ อุดมไปด้วยใยอาหารที่ทำให้อิ่มเร็ว ใยอาหารที่ได้จากธัญพืชจะไม่ละลายน้ำจึงทำให้สามารถช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ลดอาการท้องผูก ใยอาหารจะลากเอาสิ่งตกค้างที่อยู่ในลำไส้ออกไปพร้อมกับอุจจาระ
ปล. สูตรนี้จะช่วยให้คุณถ่ายแบบหมดลำไส้จริงๆ เหมือนช่วยผลักของเสียเก่าๆ ที่มีอยู่ออกมาจนหมด สบายพุง ตัวเบาหวิวแน่นอน แต่สูตรนี้แนะนำให้ทำอาทิตย์ละครั้งพอนะคะ ทำทุกวันไม่ไหวจริงๆ
เรียบเรียงโดย : Postsod
อ้างอิง : siamvariety ,fat108
ขอขอบคุณรูปภาพประกอบทุกๆภาพ