10 สมุนไพร รักษา”ริดสีดวง”ชะงัด! หลายคนลองแล้ว เห็นผล!
เชื่อว่าแทบจะทุกคนคงจะผ่านประสบการณ์การเป็น โรคริดสีดวงทวาร (hemorrhoids) กันมาบ้าง เป็นโรคที่พบบ่อยมาก โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย และเมื่อเกิดอาการก็เพิ่มความยากลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันมากทีเดียว ดังนั้น หากใครกำลังมองหาวิธีแก้โรคนี้กันอยู่ อย่าปล่อยให้มันอยู่กับเรานานเกินไป เพราะนอกจากตัวยาและการฉีดรักษาแล้ว ยังมีวิธีแก้ให้หายขาดด้วย”สมุนไพรไทย”หลายชนิด
สาเหตุหลักของโรคริดสีดวงทวาร
สาเหตุของการเกิดโรคริดสีดวงนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะพฤติกรรมการขับถ่ายของแต่ละคน ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้
1. ภาวะท้องผูกเรื้อรัง
2. ท้องเสียบ่อย
3. พฤติกรรมชอบเบ่งอุจระอย่างแรง
4. ชอบนั่งถ่ายอุจระเป็นเวลานาน โดยเฉพาะคนที่ชอบเล่นมือถือในขณะขับถ่าย
5. ใช้ยาสวนอุจระ หรือยาระบายบ่อยเกินความจำเป็น
6. มีภาวะโรคตับแข็ง ซึ่งมีผลทำให้เลือดดำอุดตัน จนบริเวณเส้นเลือดดำบริเวณทวารโป่งพอง
7. อายุที่มากขึ้นทำให้กล้ามเนื้อหย่อนยาน จนทำให้เบาะรองเลื่อนลงมาจนยื่นออกมาจากทวารหนัก
8. บุคคลที่ในครอบครัว มีประวัติว่าเคยเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก
อาการของโรคริดสีดวง
อาการของโรคริดสีดวงสีดวงทวารหนัก คือมีเลือดออกขณะขับถ่าย และหลังขับถ่ายอุจจาระ และมีติ่งเนื้อบริเวณขอบทวาร ในระยะเริ่มแรกจะมีอาการไม่ค่อยรุนแรง และหากปล่อยไว้นานหลายปีจะเริ่มมีอาการมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงระดับที่รุนแรง
วิธีรักษาริดสีดวงทวารโดยใช้สมุนไพร
– ว่านหางจระเข้ ทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดและแห้ง ควรปฏิบัติหลังจากอุจจาระ หลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน ปอกส่วนนอกของใบว่านหางจระเข้ แล้วเหลาให้ปลายแหลมเล็กน้อยเพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าจะให้เหน็บง่ายควรนำไปแช่ตู้เย็นให้วุ้นว่านหางแข็งตัวพอที่จะสอดเข้าไปได้ง่ายขึ้น และควรหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง จนกว่าจะหาย
– ขลู่ใบของต้นขลู่มีกลิ่นหอม นำมาต้มเป็นชาขลู่ดื่มแก้ริดสีดวงทวารหนัก หรือจะใช้เปลือกต้นต้มน้ำ ให้ไอของต้นรมทวารหนักรักษาอาการอักเสบได้ อีกทั้ง ยังเป็นยาขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่วในไต ช่วยย่อยอาหาร และรักษาริดสีดวงจมูกได้ด้วยเช่นกัน
– หญ้าขัดหลวง นำราก 150 กรัม ต้มพอเดือด คั้นเอาแต่น้ำข้นๆดื่ม 1 ถ้วยชา ที่เหลือนำไปอุ่นเพื่อให้มีไอไว้รมที่ก้นพออุ่นๆ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง จากนั้นล้างแผลด้วยน้ำอุ่น
– อัคคีทวารนำรากหรือต้นยาว 1-2 นิ้ว ฝนกับน้ำปูนใส แล้วนำมาทาที่ริดสีดวงทวาร หรือจะนำใบ 10-20 ใบ ตากแห้ง บดให้เป็นผง แล้วคลุกกับน้ำผึ้งรวง ปั้นเป็นเม็ดขนาดพอเหมาะ กินครั้งละ 2-4 เม็ด ทุกๆวันติดต่อกัน 7-10 วัน แต่ถ้าใครสะดวกใช้ใบแห้งป่นเป็นผง โรยในถ่านไฟ เผาเอาควันรมหัวริดสีดวงที่งอกออกมา มันจะค่อยๆยุบและหดหายไปเอง
– เพชรสังฆาต : ใช้เพชรสังฆาตสด 1 ปล้อง หั่นเป็นข้อเล็กๆ แล้วหุ้มด้วยกล้วยสุก หรือมะขามเปียก แล้วกลืนวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น ให้กินติดต่อกันเป็นเวลา 10-15 วัน อาการริดสีดวงจะค่อยๆ บรรเทาและหายในที่สุด
– แมงลัก ใช้เมล็ดแมงลัก 1 ช้อนแกง ผสมน้ำสุกอุ่น ทิ้งให้บานเต็มที่ ใส่น้ำมากหน่อย ดื่มก่อนนอนเป็นประจำ
– กระเจี๊ยบมอญ ช่วยหล่อลื่น ลดการอักเสบ โดยกินเป็นผักในปริมาณมากๆ ต่อเนื่องเป็นประจำ
– ย่านาง ใช้รากสดหรือแห้ง 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 3-4 แก้ว ต้มเดือด 30 นาที ดื่มแทนน้ำครั้งละ 1 แก้ว
– ไผ่รวก เป็นยาเย็น นำต้นและรากอย่างละ 1 กำมือ ใส่น้ำพอท่วมยา เติมเกลือแกงเล็กน้อย พอให้มีรสเค็ม ดื่มแทนน้ำ หรือวันละ 4-5 แก้ว นาน 15 วัน และ
– เหงือกปลาหมอ สมุนไพรรสร้อน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ใช้กับพริกไทยในสัดส่วน 2 : 1 ตากแห้ง ตำผง ผสมน้ำผึ้ง ทำเป็นลูกกลอ กินครั้งละ 1-2 เม็ด ก่อนอาหาร วันละครั้ง
วิธีป้องกัน – กินอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ธัญพืช ผัก ผลไม้ต่างๆ ข้าวกล้อง ถั่ว น้ำลูกพรุน เม็ดลูกพรุน เพื่อให้การขับถ่ายคล่องตัวและไม่เสี่ยงกับอาการท้องผูก
– ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8-10 แก้ว เพราะน้ำมีส่วนช่วยให้กากอาหารอ่อนตัว ช่วยให้อาหารเคลื่อนผ่านลำไส้ได้สะดวกขึ้น
– ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะไม่เพียงช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้มีการเคลื่อนที่ ทำให้สุขภาพแข็งแรงด้วย
– ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน เช่น สุรา เบียร์ ไวน์ กาแฟ ชา น้ำอัดลม เพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ อุจจาระแข็ง และถ่ายลำบาก
– ไม่ควรกลั้นอุจจาระเป็นเวลานาน
– หลีกเลี่ยงการนั่งอุจจาระเป็นเวลานานๆ อย่านั่งอ่านหนังสือหรือเล่นมือถือไปด้วย
– ควรหลีกเลี่ยงการขัดถูบริเวณทวารหนักอย่างรุนแรง
ริดสีดวงทวารเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน ดังนั้น ใครที่ยังไม่เป็นโรคนี้ก็ควรดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีตามคำแนะนำเบื้องต้น หรือหากใครที่เป็นอยู่แล้วก็พยายามดูแลตัวเองรวมทั้งรักษาให้ถูกวิธีด้วย
แหล่งที่มา : โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากรพะราชดำริ,โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร