เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 28 มิ.ย. 2560 ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีหญิงสาววัยกลางคนมักเข็นรถวีลแชร์ที่มีลูกสาวนั่งตระเวนขายของตามศาลาวัดแต่ละศาลาภายในวัดแห่งนี้เพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองและบุตรสาวในแต่ละวัน มีแขกเหรื่อที่มาร่วมในงานศพต่างพากันสงสารช่วยซื้อของจนเป็นที่ทราบกันดีของชาวบ้านใกล้เคียงรวมทั้งพระภิกษุสงฆ์จนถึงเด็กวัด เพราะเห็นถึงความรักของผู้เป็นแม่ที่มีต่อลูกและผู้เป็นลูกที่มีต่อแม่ โดยทั้งสองคนขายของภายในวัดชลประทานมานานหลายปีแล้วเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพไปวันๆและไม่มีใครรู้เลยว่าชีวิตปูมหลังสุดแสนรันทดใจยิ่งกว่านิยายและละครเสียอีก
น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 44 ปี พักอยู่เลขที่ 3/39 หมู่ 7 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี แม่ที่พา ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม แก้วผ่อง อายุ 14 ปี บุตรสาวที่พิการเดินไม่ได้ต้องนั่งรถวีลแชร์ตระเวรขายของ เปิดเผยถึงชีวิตที่แสนรันทดให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่าเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2548 ตนกับสามีคือนายอรุณรัตน์ แก้วผ่อง พร้อมน้องบีม บุตรสาวได้นั่งรถปิคอัพเพื่อนสามีไปประสบอุบัติเหตุชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ที่อำเภอไชยา จ.สุราษฎร์ธานี สามีเสียชีวิตคาที่ ตัวเองบาดเจ็บสาหัส ส่วนน้องบีมกระดูกทับไขสันหลังกลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ต้องนั่งอยู่แต่บนรถวีลแชร์ หลังจากนั้นทางครอบครัวได้รับการช่วยเหลือจากนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความที่รับอาสาว่าความให้จนกระทั่งต่อมาปี 2557 นายพิสิษฐ์แจ้งว่าศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีคำพิพากษาให้คู่กรณีจ่ายเงินให้ครอบครัวตนเอง 1 ล้านบาท โดยจะจ่ายให้เป็นงวดๆ งวดละ 40,000 บาท จากนั้นได้นำหนังสือมอบอำนาจมาให้ตนเซ็นโดยอ้างว่าตนเองไม่สะดวกเดินทางตนจึงได้เซ็นให้ไป และได้รับเงินเดือนละ 40,000 บาท เป็นเวลา 7 เดือน ก่อนจะหยุดให้ในเวลาต่อมา เมื่อตนทวงถามนายพิสิษฐ์จะบ่ายเบี่ยงและอ้างว่าทางคู่กรณียังไม่ได้จ่ายมา
นางสาวพรทิพย์ กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่าตนเองจึงได้ติดต่อไปที่บริษัทเพื่อสอบถามถึงสาเหตุแต่แล้วก็ต้องแทบช็อคหัวใจสลายเมื่อทราบว่าทางบริษัทรถพ่วง 18 ล้อ จ่ายเงินค่าเสียหายให้กับครอบครัวตนเองมา 5 ล้านบาทแล้ว โดยมีทนายพิสิษฐ์ เป็นผู้รับมอบอำนาจจากตนเองมา ตนจึงสอบถามเขาไปเขาก็ยอมรับและบอกว่าจะหาเงินมาใช้พร้อมนำดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมา จากนั้นก็เปลี่ยนมือถือและติดต่อไม่ได้อีกเลย ตนเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายก็ไม่รู้ว่าจะไปสู้รบปรบมือกับเขาได้อย่างไร เคยร้องเรียนไปที่สภาทนายความ มูลนิธิประวีณา ศูนย์ดำรงธรรม แต่เรื่องก็เงียบหายไป
“ถ้าทนายพิสิษฐ์ยังมีชีวิตอยู่และรู้ว่าตนเองกับลูกสาวลำบากขนาดไหนขอให้เขาคืนเงินให้กับตนเองและลูกด้วย เพราะน้องบีมไม่น่าที่จะต้องมามีชีวิตที่ลำบากขนาดนี้หากเขาไม่โกงเงินของตนกับลูกสาวไป” สำหรับ ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม แก้วผ่อง นั้นปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนศรีสังวาลย์ ซึ่งเป็นโรงเรียนคนพิการในสังกัดกระทรวงพัฒนาการและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย มีผลการเรียนที่ดีเกรดเฉลี่ย 3.8 เป็นหนึ่งในนักร้องคอรัสหมู่ที่ร่วมกับเพื่อนๆร้องเพลง “เคเซลา”ในโฆษณาของบริษัทไทยประกันชีวิต ที่มีความไพเราะแสนเศร้ากินใจคนฟังจนเป็นที่รู้จักกันดีในโฆษณาชุดนี้ที่แสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี ความเข้มแข็ง ในการต่อสู้ชีวิตของคนพิการที่ไม่เคยย่อท้อนั่นเอง
ข่าว/ภาพ วิสันต์ ลือประดิษฐ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.นนทบุรี