12 วิธีขจัดความขี้เกียจแบบง่ายๆ คุณจะเอาชนะความขี้เกียจได้อย่างไร มาดูกัน

0

12 วิธีขจัดความขี้เกียจแบบง่ายๆ คุณจะเอาชนะความขี้เกียจได้อย่างไร มาดูกัน

ความขี้เกียจนั้นเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับมนุษย์แทบทุกคน ในชีวิตประจำวันของหลายๆ คนต่างก็พบกับความรู้สึกขี้เกียจอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการตื่นเช้าไปทำงานในวันจันทร์ บางทีฝนตกพรำๆ ในตอนเช้าบรรยากาศมันชวนให้ไม่อยากลุกออกจากที่นอนไปเลย หรือบางทีมีงานที่ค้างกองสุมอยู่เต็มโต๊ะ ความอ่อนเพลียเมื่อยล้า หมดแรงบันดาลใจ ขาดแรงจูงใจ หรือต้องฝืนทำงานที่เราไม่ชอบเป็นเวลานาน ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแต่ทำให้เราเกิดอาการขี้เกียจขึ้นได้ทั้งนั้น ซึ่งอันที่จริงก็ยังมีสาเหตุของความขี้เกียจอีกเพียบเลยหล่ะ

ฉะนั้นเรามาดูวิธีขจัดความขี้เกียจกันดีกว่า เผื่อว่าจะช่วยเป็นแสงสว่างให้กับชีวิตคุณหรือคนใกล้ตัวได้บ้าง

1. หาแรงจูงใจ

การที่เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีนั้น เราจะต้องหาแรงจูงใจให้กับตัวเอง การสร้างแรงจูงใจนั้นก็อย่างเช่นว่าการที่เราขยันหมั่นเพียรนั้นทำเพื่อใคร ทำแล้วดีอย่างไร อาจจะทำเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น แล้วคนที่เราชอบเขาจะสนใจเราบ้าง หรือขยันสร้างฐานะให้ตัวเอง เพื่อที่จะให้คู่ควรกับคนที่เราหมายปอง หรือนึกถึงความสุขสบายในวันที่เรามีฐานะดีขึ้น เหล่านี้ก็ช่วยจูงใจให้เราขยันขึ้นอย่างมีเป้าหมายได้เช่นกัน

2. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน

การที่เราจะเลิกขี้เกียจนั้นเราจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน อย่างเช่น ถ้าคุณอยากสร้างบ้านใหม่ คุณก็ต้องตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะมีบ้านหลังใหม่สวยๆ ไว้อยู่อาศัย ฉะนั้นเราก็จะต้องขยันทำงานเก็บเงิน เมื่อเห็นยอดเงินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าเข้าใกล้ความฝันยิ่งขึ้น ก็จะทำให้มีกำลังใจ ความเกียจคร้านก็จะมลายหายไป หรืออาจตั้งเป้าหมายไว้ว่าคุณจะต้องสอบได้ที่หนึ่ง ฉะนั้นคุณจะต้องขยันอ่านหนังสือให้มาก ตั้งเป้าหมายให้ใหญ่เผื่อไว้นิดนึงก่อน เพื่อตอนผลลัพธ์ออกมาจริงๆ แม้เราไปไม่ถึงจุดหมายแต่ก็ใกล้เคียงหรือออกห่างจากจุดเดิมมาเยอะมาก

3. ร่างกายต้องพร้อมอยู่เสมอ

หากเราจะขจัดความขี้เกียจออกไป ความพร้อมของร่างกายก็เป็นสิ่งสำคัญ ฉะนั้นเราจึงต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เราก็จะมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่สดชื่นแจ่มใส มีพลังงานขับเคลื่อนร่างกายอย่างขยันขันแข็ง การที่สุขภาพไม่ดี ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย จะทำให้เรารู้สึกอ่อนแรง เพลีย ไม่อยากจะทำอะไร ลองหาเวลาไปออกกำลังให้เหงื่อออกดูสิ คุณจะสดชื่นกระปรี้กระเปร่าสุดๆ เลยหล่ะ และการนอนหลับอย่างเพียงพอเราก็จะตื่นมาอย่างสดชื่น ร่างกายและสมองก็จะมีความพร้อมในการทำงาน ถ้าพักผ่อนน้อยเราก็จะเหงาหงอย เฉื่อยชา ไม่สดชื่น และความขยันคงบังเกิดขึ้นได้ยาก

4. เลิกนิสัยผลัดวันประกันพรุ่ง

เมื่อเราตั้งเป้าหมายในชีวิตเอาไว้แล้ว ก็ให้ลงมือทำมันทุกวัน อย่าทำนิสัยผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะมันเป็นการบ่มเพาะความขี้เกียจและเราจะไม่เข้าใกล้เป้าหมายเลย กลับกันหากเราลงมือทำทุกวันแล้ว ก็จะเริ่มเห็นเป้าหมายที่ใกล้เข้ามา แล้วเราก็จะมีแรงฮึดให้ขยันเพิ่มขึ้นอีก และเราก็จะได้นิสัยความขยันบ่มเพาะในตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเราก็จะกลายเป็นคนขยันหมั่นเพียร ไม่ขี้เกียจอีกต่อไป

5. สร้างตารางการทำงานอย่างมีระเบียบ

การที่ชีวิตเราไร้ระเบียบ ชุลมุนวุ่นวายไปหมด นั่นยิ่งทำให้เราไม่อยากทำอะไร รู้สึกขี้เกียจมากขึ้น ฉะนั้นคุณควรจัดระเบียบชีวิตของตัวเองให้ดี ทำงานให้สำเร็จไปทีละอย่างจะได้ไม่ปนกัน เมื่อเราทำเสร็จไปงานหนึ่งแล้วเราก็จะรู้สึกโล่ง และพร้อมที่จะลงมือทำงานต่อๆ ไป หรืองานที่ค้างอยู่ก็เขียนบันทึกลงไปอย่างชัดเจนเป็นระเบียบ เมื่อความสับสนวุ่นวายน้อยลงหรือหมดไป เราก็จะเกิดความอยากทำงานและขยันยิ่งขึ้น และถ้าคุณตั้งเป้าว่าอยากซื้อ อยากมีอะไรสักอย่าง ก็ให้เก็บเงินอย่างมีระเบียบ แต่ละเดือนกำหนดไว้ว่าจะต้องฝากเท่าไหร่ เมื่อเวลาผ่านไปยอดเงินในบัญชีที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้คุณมีแรงใจขยันยิ่งๆ ขึ้นไป ผิดกับคนที่ไม่เก็บเงินเก็บทอง ทำงานไปวันๆ ให้ผ่านพ้นไปเดือนๆ ก็จะเหนื่อยหน่ายท้อแท้กับชีวิต ไม่อยากจะใส่ใจกับงานหรือวางแผนถึงวันข้างหน้า ความเกียจคร้านจะถามหาแน่นอน

6. นึกถึงผลแย่ๆ ของความขี้เกียจ

แน่นอนว่าความขี้เกียจนั้นมันจะสร้างแต่เรื่องแย่ๆ ให้กับชีวิต ไม่เชื่อก็ลองดูคนที่ขี้เกียจไม่ทำงานดูสิ ชีวิตเขาจะมั่งคั่งคงยาก ชื่อเสียงก็เสื่อมเสีย ขาดความน่าเชื่อถือ ไม่มีใครอยากจะมาร่วมชีวิตสร้างครอบครัวด้วยแน่ๆ ฉะนั้นถ้าคุณเกิดรู้สึกขี้เกียจขึ้นมา ก็ลองคิดถึงคนที่เค้าตกงานต้องเดินเตะฝุ่นตะลอนหาสมัครงานไปทั่ว คนที่อดอยากแร้นแค้นเพราะไม่มีทรัพย์สิน หรือนึกภาพตอนที่โดนไล่ออกจากงานแล้วไม่มีงานทำเพราะความขี้เกียจดูสิ แล้วเราก็จะมีแรงฮึดสู้ ขจัดความขี้เกียจออกไปแล้วลงมือทำงานอย่างตั้งใจ ดีกว่าต้องพบกับชีวิตแย่ๆ ที่มีสาเหตุมาจากความขี้เกียจ

7. โฟกัสไปทีละอย่าง

ในการตั้งเป้าหมายในชีวิตหรือทำอะไรสักอย่างนั้น ควรโฟกัสไปทีละอย่าง หรือแค่ 2-3 อย่างก็พอ อย่าโฟกัสเยอะเกินไปเพราะมันจะทำให้คุณสับสนวุ่นวาย รู้สึกเหนื่อยหน่ายและเริ่มต้นไม่ถูก เมื่อเกิดความสับสนและเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็เห็นผลช้า ไม่คืบหน้าไปไหน เราก็จะถอดใจและขี้เกียจจะทำมัน ฉะนั้นโฟกัสไปทีละอย่างแล้วทำให้มันสำเร็จไปเป็นอย่างๆ จะดีกว่า เพราะเราจะได้ไม่เหนื่อยมีแรงสู้ และปรากฏผลลัพธ์ได้เร็ว ทำให้ถึงเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น อย่างเช่น คุณจะขุดบ่อเลี้ยงปลา ทำสวนเมล่อน หรือผลิตสินค้า OTOP ที่บ้าน ก็เลือกเอาสักอย่าง ทำให้สำเร็จไปอย่างหนึ่งก่อน จากนั้นก็ค่อยขยับขยายไปทำอย่างอื่นด้วยก็ได้

8. จัดสิ่งของรอบตัวให้เป็นระเบียบ

สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราก็มีส่วนที่ทำให้เราเกิดอาการขี้เกียจขึ้นมาได้ อย่างข้าวของเครื่องใช้รกๆ ในบ้าน หรือกองอุปกรณ์ เอกสารบนโต๊ะทำงาน ที่วางระเกะระกะ เหล่านี้มันก็สามารถลดแรงกระตุ้นในการทำงานของเราได้เช่นกัน ฉะนั้นลองหาเวลาจัดระเบียบให้กับสิ่งของต่างๆ รอบตัวดูสิ จะช่วยกระตุ้นให้เรารู้สึกขยันทำงานขึ้นมาได้

9. มีความรักในสิ่งที่ทำ

คนเราเมื่อได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบหรือรัก ก็จะมีความขยันขันแข็งและทำมันออกมาได้ดี แต่ในชีวิตจริงแล้วการงาน หรือการเรียนในบางวิชา มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราชอบหรือรักเสมอไป แต่ต้องทำเพื่อความอยู่รอดและเป็นหน้าที่ ฉะนั้นเราก็ต้องปรับเปลี่ยนความคิดกันนิดนึง โดยมองหาข้อดีของสิ่งที่ทำอยู่ เปิดใจให้รักในสิ่งที่ทำ แล้วเราก็จะมีแรงขยัน ไม่เกียจคร้านที่จะต้องทำมัน เมื่อเราได้ทำอะไรอย่างมีความสุขแล้ว ก็จะลืมความเกียจคร้านลงไปได้

10. มองโลกในแง่บวก พูดกับตัวเอง

ความคิดอาจส่งผลต่อพฤติกรรมของเราด้วย ฉะนั้นเราจึงควรคิดและมองโลกในแง่บวก แล้วชีวิตและการทำงานของเราก็จะเกิดผลในเชิงบวกไปด้วย ฉะนั้นในทุกๆ เช้าที่เราตื่นมาควรคิดหรือพูดว่าวันนี้เป็นวันที่ดีของเรา จะมีแต่เรื่องสนุกๆ และท้าทายให้เราก้าวข้ามไปมันได้อย่างภาคภูมิใจ เราก็จะพร้อมที่จะเผชิญกับเรื่องราวระหว่างวันอย่างขยันขันแข็ง และทำงานให้สำเร็จไปได้ด้วยดี แต่ถ้าเราคิดเชิงลบว่าชีวิตไร้ค่า ขี้เกียจไม่อยากทำโน่น นี่ นั่น คุณก็จะไม่สามารถหลุดพ้นจากความขี้เกียจไปได้เสียที ฉะนั้นคิดและพูดเชิงบวกกับตัวเองในทุกๆ วันนะคะ

11. พักร่างกายและสมอง สนุกกับชีวิต

เนื่องจากร่างกายและจิตใจของคนเราไม่ใช่เครื่องจักร ก็ต้องมีอาการเหนื่อย เมื่อล้า กดดัน อ่อนเพลียกันบ้าง ฉะนั้นคุณต้องพักผ่อนกันบ้างแล้วหล่ะ เสมือนกับเราได้ชาร์จพลังเพื่อกลับมาสู้ใหม่นั่นเอง ดังนั้นควรหาเวลาพักผ่อน ผ่อนคลาย ปลดปล่อยความเครียด และความกดดันต่างๆ ออกไปอย่างเต็มที่ สลัดเรื่องราวหรือความคิดอันหนักอึ้งออกไป ล่องลอยไปกับความว่างเปล่าสุขสบาย ทำกิจกรรมที่สนุกๆ ได้หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เมื่อคุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว คุณก็จะมีพลังในการทำงานอย่างขยันขันแข็งกลับมา มีชีวิตชีวาสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ดี

12. ตอนเช้าให้รีบลุกจากเตียง

ในตอนเช้าในฤดูหนาวหรือช่วงที่ฝนตก หรือคืนก่อนเรานอนดึกไปหน่อย จะทำให้เราขี้เกียจตื่นมากในตอนเช้า และหลายคนมักจะกดเลื่อนนาฬิกาปลุกแล้วนอนต่ออีกนิดนึง จากงานวิจัยได้บอกว่าการทำแบบนี้เป็นสิ่งไม่ดี เพราะจะยิ่งทำให้วันนั้นกลายเป็นวันที่เหนื่อยล้าของคุณ ชีวิตไม่ค่อยมีพลังงาน ดังนั้นเมื่อนาฬิกาปลุกแล้ว เราก็ควรรีบลุกกระโดดออกจากเตียง สมองของเราก็จะถูกกระตุ้นไปตามร่างกาย ทำให้เกิดความกระตือรือร้น มีชีวิตชีวามากขึ้น แล้วในวันนั้นก็จะเป็นวันที่เราสามารถทำงานได้อย่างขยันขันแข็ง ไม่ง่วงซึมแล้วหล่ะ

หวังว่าวิธีขจัดความขี้เกียจแต่ละข้อจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านคะ ใหม่ๆ อาจจะรู้สึกว่ามันยากแต่คุณอย่ายอมแพ้ ทำต่อไปเรื่อยๆ และอาจจะเขียนความคืบหน้ารายสัปดาห์ไว้ จริงจังกับสิ่งที่ทำ และเมื่อขจัดความเกียจคร้านออกไปได้ หรือสิ่งที่ทำนั้นประสบความสำเร็จ ก็อย่าลืมให้รางวัลกับตัวเองบ้างก็ดีนะคะ

ขอขอบคุณ : tipsza

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่