เจอแล้ว 10 สูตรสมุนไพร “รักษาฝ้า” ปลอดภัย ได้ผลชัวร์
น้ำมะนาว
โดยธรรมชาติแล้วน้ำมะนาวจะเป็นตัวช่วยให้ผิวพรรณเรากระจ่างใสมากยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ น้ำมะนาวยังมีคุณสมบัติทำให้ผิวของเราเต่งตึง กระชับ อีกด้วย ปกติแล้วน้ำมะนาวจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ทำให้สามารถกำจัดผิวหนังชั้นนอกออกไปได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้ หากใครที่มีปัญหาฝ้า สามารถใช้น้ำมะนาวในการรักษาฝ้า หรือทำให้ฝ้าจางลงได้ ขั้นตอนการใช้มะนาวรักษาฝ้า สามารถทำได้ดังนี้
1.1 คั้นเอาน้ำมะนาวออกมา
1.2 นำน้ำมะนาวไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า โดยถูเบาๆ ให้ทั่วประมาณ 1-2 นาที
1.3 ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นใช้น้ำอุ่นล้างออก
1.4 ทำประมาณวันละ 2 รอบ จะเห็นผลประมาณภายใน 3 สัปดาห์
2. น้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์
กรดน้ำส้มที่พบในน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ เป็นสารฟอกผิวที่มีประสิทธิภาพมาก โดยกรดน้ำส้มนี้จะสามารถช่วยลบรอยฝ้า รอยด่างดำ และทำให้ผิวนุ่นนวยและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ขั้นตอนการรักษาฝ้าด้วยน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ มีดังนี้
2.1 นำน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์และน้ำเปล่ามาผสมกันในอัตราส่วนที่เท่าๆ กัน
2.2 น้ำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งเองโดยธรรมชาติ
2.3 จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดผิวให้แห้ง
2.4 ควรทำอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง
3. ขมิ้น
ขมิ้นสามารถช่วยลดสารเมลานินบนผิวหนังได้ อีกทั้งยังช่วยกำจัดฝ้าให้จางลงได้อีกด้วย เคอคูมินเป็นส่วนประกอบหลักในขมิ้น มีคุณสมบัติพิเศษทำให้ผิวเรากระจ่างใสขึ้น และยังเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย สูตรขมิ้นรักษาฝ้า สามารถทำได้ดังนี้ คือ
3.1 ผสมผงขมิ้นปริมาณ 5 ช้อนโต๊ะ กับนมปริมาณ 10 ช้อนโต๊ะ แนะนำว่าควรเป็นนมชนิดที่ยังไม่ได้แยกไขมันออก เพราะนมประเภทนี้จะยังมีกรดแลคติคและแคลเซี่ยมอยู่ เป็นตัวช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวและทำให้ผิวนุ่มขึ้น
3.2 ผสมแป้งถั่วลูกไก่ลงไปเพื่อให้ส่วนผสมมันข้น
3.3 นำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า
3.4 ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นใช้น้ำอุ่นล้างออก แล้วเซ็ดให้แห้ง
3.5 เพื่อให้เห็นผลอย่างรวดเร็ว ควรทำสูตรนี้วันละครั้ง
4. น้ำหัวหอมใหญ่
สูตรรักษาฝ้าด้วยน้ำหัวหอมใหญ่เป็นอีกสูตรนึงที่มีประสิทธิภาพในการปรับสภาพผิวให้กลับมาเป็นปกติ ในหัวหอมใหญ่จะมีส่วนผสมของกำมะถันทำให้น้ำหัวหอมใหญ่สามารถแก้ฝ้าหรือทำให้ฝ้าจางลงได้ นอกจากนั้น น้ำหัวหอมใหญ่ยังช่วยบำรุงเซลล์ผิวอีกด้วย ขั้นตอนการทำน้ำหัวหอมใหญ่รักษาฝ้า มีดังนี้
4.1 นำหอมหัวใหญ่ 2-3 หัว มาสับให้ละเอียด
4.2 นำผ้าขาวบางมาห่อ จากนั้นก็บีบเอาน้ำหัวหอมใหญ่ออกมา
4.3 นำน้ำหัวหอมใหญ่ที่ได้มาผสมกับน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ในอัตราส่วนที่เท่ากัน
4.4 ใช้สำลีก้อนชุบส่วนผสมที่ได้ จากนั้นนำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า
4.5 ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น
4.6 ทำประมาณวันละ 2 รอบ จะเห็นผลภายในไม่กี่สัปดาห์
5. ว่านหางจระเข้
เชื่อหรือไม่ว่าเมือกเหนียวๆ ในเนื้อว่านหางจระเข้มีสรรพคุณสามารถช่วยทำให้ฝ้าจางลงได้ ทำให้สีผิวกลับไปเป็นสีปกติ นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วออกจากผิวหนังและช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ วิธีรักษาฝ้าด้วยว่านหางจระเข้ ทำได้ดังนี้ คือ
5.1 ตัดว่านหางจระเข้มา จากนั้นคว้านเอาเฉพาะเนื้อใสๆ ด้านใน
5.2 น้ำเนื้อว่านหางจระเข้ที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า นวดเบาๆ ประมาณ 1-2 นาที
5.3 ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นใช้น้ำอุ่นล้างออกให้สะอาด
5.4 ควรทำวันละ 2 ครั้ง จะเห็นผลภายในไม่กี่สัปดาห์
6. ข้าวโอ๊ต (Oatmeal)
ข้าวโอ๊ตเป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่ช่วยทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว โดยเฉพาะการทำให้จุดด่าง ดำบนใบหน้าลบเลือนลง และข้าวโอ๊ตยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว ทำให้ผิวของคุณดูสว่างใสมากยิ่งขึ้น สูตรข้าวโอ๊ตรักษาฝ้า ทำได้ดังนี้ คือ
6.1 นำข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ นมสด 2 ช้อนโต๊ะ และ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน
6.2 นำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า หรือมีรอยจุดด่าง ดำ
6.3 ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
6.4 ใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง
6.5 ควรทำสูตรนี้ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำต่อเนื่องประมาณ 1 เดือนจะเริ่มเห็นผล
7. อัลมอนด์
ปกติแล้วในอัลมอนด์จะมีโปรตีนในปริมาณสูง หากรับประทานเป็นประจำจะทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น นอกจากนั้นยังมีวิตามิน อี ช่วยบำรุงผิวและลบรอยหมองคล้ำบนผิวของเราได้ สูตรอัลมอนด์รักษาฝ้า ทำง่ายๆ ดังนี้
7.1 ผสมผงอัลมอนด์กับน้ำผึ้งในปริมาณที่พอเหมาะ นำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ควรทำอาทิตย์ละ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์จนกว่าจะเห็นผล
7.2 อีกทางเลือกนึง นำอัลมอนด์แช่ลงไปในน้ำนมให้ชุ่ม จากนั้นนำไปบดให้ละเอียด เติมน้ำผึ้งลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วผสมให้เข้ากัน นำส่วนผสมครีมแก้ฝ้าที่ได้ไปทาบริเวณที่เกิดฝ้า แนะนำให้ทำก่อนนอนแล้วทิ้งไว้จนถึงตอนเช้า พอตื่นขึ้นมาก็ล้างออกด้วยน้ำเย็น แนะนะว่าควรทำทุกวันๆละ 1 ครั้ง ประมาณ 2 อาทิตย์จะเริ่มเห็นผล
8. ฮอร์สแรดิช (Horseradish)
หัวฮอร์สแรดิชสามารถนำมาใช้ในการรักษาฝ้าได้ ซึ่งวิธีนี้มีการใช้มานานแล้ว บ้านเราค่อนข้างหายากหน่อย ฮอร์สแรดิชจะมีคุณสมบัติช่วยกำจัดเซลล์ผิวเพื่อให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ลดรอยหมองคล้ำของผิวหนัง รวมถึงรักษาฝ้า หรือทำให้ฝ้าจางลงได้ วิธีใช้ฮอร์สแรดิชรักษาฝ้า ทำได้ดังนี้
8.1 หั่นหัวฮอร์สแรดิชเป็นแว่นๆ จากนั้นก็นำไปถูบริเวณที่มีรอยฝ้า ให้น้ำที่ซึมออกมาจากหัวฮอร์สแรดิชซึมเข้าไปในผิวหนัง ปล่อยไว้ให้แห้งเอง หลังจากที่แห้งแล้วให้ใช้น้ำอุ่นล้างหน้าสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง ควรทำอาทิตย์ละครั้งจนกว่ารอยดำจากฝ้าจะจางหายไป
8.2 ผสมผงฮอร์สแรดิช 2 ช้อนโต๊ะกับครีมเปรี้ยวปริมาณ 1 ถ้วย ให้เข้ากัน จากนั้นนำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า หรือรอบหมองคล้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ควรทำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ทำต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นผล
9. มะละกอ
แปปเพ็น เป็นเอนไซม์ชนิดนึงที่พบในมะละกอ เอนไซม์ตัวนี้มีฤทธิ์ในการช่วยให้ผิวหนังผลัดเซลล์ผิวได้ดี โดยช่วยเร่งการกำจัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่ตายหรือเสื่อมโทรม ขั้นตอนการใช้มะละกอรักษาฝ้า ทำได้ตามนี้
9.1 นำมะละกอสุกมาบดให้เละ
9.2 ผสมน้ำผึ้งสองช้อนโต๊ะต่อมะละกอสุกบดหนึ่งถ้วยครึ่ง
9.3 นำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้า
9.4 ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น
9.5 ควรทำตามสูตรนี้อาทิตย์ละครั้ง ต่อเนื่องกันหลายเดือนถึงจะเห็นผลที่ชัดเจน
10. ไม้จันทน์
ไม้จันทน์เป็นวัตถุดิบอีกตัวนึงที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวดูสว่าง ใส ขึ้น นอกจากนั้นไม้จันทน์ยังช่วยให้สภาพผิวดีขึ้นและลดการเกิดฝ้า รอยด่างดำ ต่างๆที่อาจจะเกิดกับผิวได้ มาดูวิธีใช้ไม้จันทน์รักษาฝ้า กันได้เลย
10.1 นำผงไม้จันทน์ ผงขมิ้น และนมมาในอัตราส่วนที่เท่ากัน จากนั้นผสมให้เข้ากันจนได้ส่วนผสมที่เหนียวๆ
10.2 นำส่วนผสมที่ได้จากการเตรียมข้อ 1 มาทาให้ทั่วบริเวณที่เกิดฝ้า แล้วทิ้งไว้จนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะแห้งไปเอง
10.3 หลังจากที่ส่วนผสมทั้งหมดแห้งแล้ว ให้ใช้น้ำสะอาดลูบบริเวณที่ทาส่วนผสมลงไปให้พอเปียกๆ จากนั้นก็ถูเป็นวงกลมรอบๆ บริเวณที่เป็นฝ้า
10.4 สุดท้าย ล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง
11.5 ควรทำตามสูตรนี้ประมาณอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง ทำต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นผลที่ชัดเจน
ควบคู่ไปกับการใช้สมุนไพรรักษาฝ้า เราควรที่จะหลีกเลี่ยงแสงแดด อย่าโดนแดดแรงๆ เป็นเวลานานๆ และอย่าลืม หากต้องออกไปสถานที่ที่ต้องโดนแสงแดดเป็นประจำ เราควรทาโลชั่นป้องกันแสงแดดเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้ผิวของเราโดนรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ทำร้าย ควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง ดื่มน้ำในประมาณที่มากเพียงพอเพื่อกำจัดท็อกซินและป้องกันไม่ให้เกิดฝ้า จำไว้ว่าการป้องกันคือวิธีรักษาฝ้าที่ดีที่สุด
ขอขอบคุณ : nomoremelasma
เรียบเรียงโดย : Postsod